วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

บทเรียนจากการสร้างอาดัมศาสนา มาพร้อมกับมนุษย์คนแรก

On June 17, 2022

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  17 มิ.ย.  65)

เรื่องราวต่างๆในคัมภีร์ทางศาสนามิได้มีไว้เพื่อความบันเทิง แต่มีไว้เพื่อเป็นแง่คิดและเสริมภูมิปัญญาของมนุษย์ เพราะศาสนาไม่ใช่เรื่องงมงาย  แต่เป็นเรื่องสำหรับมนุษย์ผู้มีสติปัญญาและเหตุผล

เรื่องราวการสร้างอาดัมในคัมภีร์กุรอานต้องการจะบอกมนุษย์ให้รู้ว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมาก่อนการสร้าง พระเจ้าได้บอกกับทูตสวรรค์ว่าพระองค์จะสร้างตัวแทนขึ้นมาสืบทอดแผ่นดินหรือโลกใบนี้ และหลังจากสร้างมนุษย์คนแรกขึ้นมาจากดินแล้ว พระองค์ได้สอนความรู้และประทานความสามารถให้แก่อาดัมเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพระองค์บนหน้าแผ่นดิน

อีกวัตถุประสงค์หนึ่งที่พระเจ้าสร้างมนุษย์ขึ้นมาก็เพื่อจะทดสอบมนุษย์ว่าจะเชื่อฟังพระองค์หรือจะเชื่อฟังผู้อื่น  ด้วยเหตุนี้  ฉากการปฏิเสธคำบัญชาของพระเจ้าโดยจอมมารอิบลีสจึงเกิดขึ้นต่อหน้าอาดัมเพื่อที่อาดัมจะได้เห็นว่าผลของการปฏิเสธพระเจ้าเป็นอย่างไร

เมื่ออาดัมและเอวาหลงเชื่อคำลวงของอิบลีสจนลืมคำสั่งของพระเจ้าที่ห้ามเข้าใกล้ต้นไม้ต้นหนึ่ง อาดัมและเอวาจึงมีความผิดไม่ต่างจากอิบลีส  ดังนั้น ทั้งสองคนจึงต้องออกจากอาณาจักรอันสุขสบายของพระเจ้ามายังโลกนี้

จอมมารอิบลีสต่างจากอาดัมตรงที่เมื่ออิบลีสฝ่าฝืนคำบัญชาของพระเจ้า มันกลับโทษและเคียดแค้นอาดัมจนไม่ยอมสำนึกผิด  ต่างจากอาดัมที่ทำความผิดแล้วสำนึกผิด แต่อาดัมไม่รู้ว่าจะขออภัยโทษต่อพระเจ้าอย่างไร  พระองค์จึงได้สอนเขาให้รู้สึกสำนึกผิดและกล่าวคำขออภัยโทษต่อพระเจ้าซึ่งปรากฏในคัมภีร์กุรอานว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา เราได้กระทำผิดต่อตัวของเราเอง  หากพระองค์มิทรงให้อภัยโทษแก่เราและเมตตาต่อเรา  เราจะเป็นผู้ขาดทุนอย่างแน่นอน”

แม้อาดัมจะขออภัยโทษต่อพระเจ้าและได้รับการอภัยโทษแล้ว แต่เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่พระเจ้าจะส่งอาดัมและเอวามาเป็นพ่อแม่คนแรกของมนุษย์ในฐานะตัวแทนผู้สืบทอดแผ่นดิน  ทั้งสองจึงต้องถูกส่งออกจากสวนสวรรค์ในอาณาจักรของพระเจ้ามายังโลกใบนี้

ก่อนถูกส่งมา  พระเจ้าได้กำชับกับอาดัมว่าอิบลีสจอมมารจะเป็นศัตรูกับเขาตลอดไปและหลังจากนี้ “ถ้าหากสูเจ้าได้รับทางนำจากฉัน ใครก็ตามที่ปฏิบัติตามทางนำนั้น เขาจะไม่หลงทางและไม่เศร้าหมอง”

ข้อความดังกล่าวบอกให้รู้ว่าเมื่อพระเจ้าให้ชีวิตมนุษย์แล้ว พระเจ้าได้ประทานแนวทางในการใช้ชีวิตให้แก่มนุษย์ด้วย แนวทางนี้ไม่เพียงแต่เป็นคู่มือการใช้ชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นเส้นทางที่จะนำพาลูกหลานอาดัมกลับไปยังบ้านเดิมที่อาดัมและเอวาพ่อแม่ของพวกเขาถูกส่งออกมา

สิ่งที่คัมภีร์กุรอานกล่าวไว้ตรงนี้จึงบอกให้เรารู้อีกอย่างหนึ่งว่ามนุษย์ได้รับแนวทางในการดำเนินชีวิตตั้งแต่มนุษย์คนแรกมาอยู่บนโลกใบนี้แล้ว เพราะคัมภีร์กุรอานกล่าวว่า “มนุษย์ถูกสร้างมาในสภาพอ่อนแอและไม่รู้อะไร”

แนวทางนี้ถูกเรียกในศัพท์ทางวิชาการภาษาอาหรับว่า “ดีน” ภาษาจีนเรียกว่า “เต๋า”  ภาษาในทางพุทธเรียกว่า “มรรค หรือมรรคา” ที่ถูกส่งมายังมนุษย์โดยผ่านทาง “ศาสดา” หรือบุคคลที่พระเจ้าได้คัดเลือก

แนวทางเหล่านี้มีเรื่องความศรัทธา  คำสั่งใช้ให้ปฏิบัติและข้อห้าม  คุณธรรมและจริยธรรมเป็น องค์ประกอบขั้นพื้นฐานที่ละม้ายคล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมก็เพราะมนุษย์เข้าไม่ถึงคำสอนที่แท้จริงของแนวทางหรือเข้าใจผิดเพี้ยนไป

คำว่า “ศาสนา” ที่มนุษย์เรียกกันเป็นเพียงการปฏิบัติพิธีกรรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาตนให้อยู่ในแนวทางที่จะกลับไปยังบ้านเดิมที่อาดัมและเอวาถูกส่งมา

ศาสนาจึงไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาและไม่ใช่ยาเสพติดที่มอมเมามนุษย์


You must be logged in to post a comment Login