- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 1 day ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 4 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 5 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 6 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 7 days ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
- ลูกผู้ชายตัวจริงPosted 2 weeks ago
คำวิงวอนของอับราฮัมที่ก๊ะอฺบ๊ะฮฺ
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2019/07/santitum-300x300.jpg)
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 29 ก.ค. 65)
เมื่ออับราฮัมกลับมาเยี่ยมครอบครัวของเขาซึ่งเขาทิ้งไว้ในหุบเขาบักก๊ะฮฺ อิสมาอีลลูกชายคนแรกจากภรรยาคนที่สองของเขาได้เติบโตเป็นหนุ่มแล้ว ในการกลับมาครั้งนี้ คัมภีร์กุรอานได้บอกให้เรารู้ว่าพระเจ้าได้บัญชาให้เขาสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺขึ้นมาเป็นสถานที่สำหรับการเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียวที่เขาศรัทธา
ดังนั้น อับราฮัมกับอิสมาอีลจึงช่วยกันสร้างอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขึ้นมาด้วยก้อนหินที่หาได้ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อใช้เป็นสถานที่เคารพสักการะพระเจ้า อาคารหลังนี้ถูกเรียกว่า “บัยตุลลอฮฺ”(แปลว่าบ้านของพระเจ้า) และบางครั้งถูกเรียกว่า “ก๊ะอฺบ๊ะฮฺ” (แปลว่าทรงสี่เหลี่ยม)
แม้สร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเสร็จตามคำบัญชาของพระเจ้าแล้ว แต่ด้วยความถ่อมตน อับราฮัมได้วิงวอนต่อพระเจ้าให้รับงานที่เขาทำตามคำสั่งราวกับกลัวว่าพระองค์จะไม่รับงานของเขา หลังจากนั้น เขาได้กล่าววิงวอนต่อพระเจ้าว่า
“ข้าแต่พระผู้อภิบาล ฉันได้ตั้งรกรากถิ่นฐานให้ลูกหลานของฉันบางคนในหุบเขาอันกันดารใกล้บ้านอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ฉันทำสิ่งนี้ก็ด้วยหวังว่าพวกเขาจะได้ดำรงละหมาดที่นี่ ดังนั้น โปรดหันหัวใจของผู้คนไปยังพวกเขาด้วย และโปรดประทานผลไม้เป็นอาหารแก่พวกเขาด้วยเถิดเพื่อพวกเขาจะได้เป็นผู้กตัญญู ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่เราซ่อนเร้นและเปิดเผย และไม่มีสิ่งใดทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดินนี้จะซ่อนเร้นไปจากพระองค์ได้” (กุรอาน 14:37-38)
พระเจ้าตอบรับคำวิงวอนของอับราฮัมทุกประการ
คำวิงวอนแรกของอับราฮัมบอกถึงความหวังของเขาว่าเขาต้องการให้ลูกหลานของเขาในอนาคตดำรงรักษาการละหมาดและมาทำฮัจญ์ที่นั่นเพื่อเป็นการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าต่อไปจนถึงวันสิ้นโลก
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2022/07/3-16.jpg)
แน่นอน เมื่ออับราฮัมต้องการให้ลูกหลานของเขาดำรงละหมาดและให้ผู้คนมาทำฮัจญ์ เขาต้องปฏิบ้ติให้เห็นเป็นแบบอย่างโดยมีอิสมาอีลลูกชายของเขาเป็นผู้สืบทอด แต่หลังอิสมาอีลจากไป ลูกหลานของเขาและคนรุ่นต่อมาได้ละเลยการละหมาดและหลงลืมการปฏิบัติของอับราฮัมจนมีคนเอารูปเคารพสารพัดรูปร่างมากราบไหว้บูชาแทนพระเจ้าองค์เดียวเป็นเวลานานนับหลายพันปี
แม้ลูกหลานของอับราฮัมที่เป็นนบีอย่างเช่น โมเสส ดาวิด โซโลมอนและแม้แต่อีซาหรือพระเยซูจะมารื้อฟื้นการละหมาด แต่เราก็ไม่สามารถพบกฎระเบียบ เช่น ท่าทาง คำอ่านของการละหมาดในคัมภีร์ที่มีอยู่ก่อนหน้าสมัยนบีมุฮัมมัดได้ ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงได้ส่งนบีมุฮัมมัดมาวางแบบอย่างการละหมาดและการทำฮัจญ์ให้แก่ผู้ศรัทธาปฏิบัติเหมือนกันทั่วโลกจนถึงปัจจุบันและต่อไปจนถึงวันสิ้นโลก
ส่วนคำวิงวอนที่สองของอับราฮัมนั้นเกิดขึ้นจากความเป็นห่วงลูกหลานของเขาและบรรดาผู้ศรัทธาที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นและผู้ที่จะต้องไปทำฮัจญ์ เพราะหุบเขาบักก๊ะฮฺเป็นหุบเขาหินล้วนๆ ไม่มีที่สำหรับปลูกพืชเป็นอาหารได้ แต่เพราะก๊ะอฺบ๊ะฮฺมีน้ำซัมซัมและเป็นจุดศูนย์รวมของความศรัทธา จึงมีกองคาราวานนำสินค้าและอาหารมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันที่นั่น ผู้ตั้งถิ่นฐานในเมืองมักก๊ะฮฺจึงมีอาหารนานาชนิดและผลไม้จากทั่วโลกให้กินโดยไม่ขาดจนกระทั่งปัจจุบัน
นั่นคือเหตุผลที่ว่าในการละหมาดทุกครั้ง ก่อนเสร็จสิ้นการละหมาด มุสลิมได้ถูกกำหนดให้อ่านถ้อยคำที่ยืนยันความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและวิงวอนต่อพระเจ้าให้ประสาทพรและความจำเริญแก่นบีมุฮัมมัดและอับราฮัม
You must be logged in to post a comment Login