- ขอให้ใช้สมองเดินหน้าPosted 1 day ago
- เบี้ยแก้Posted 4 days ago
- โจรมาแรงยิ่งกว่ายุงPosted 5 days ago
- ถ้า “ทักษิณ” พ้นโทษPosted 6 days ago
- ไม่ลด-ละ-เลิก- อันตรายPosted 7 days ago
- อย่าด้อยค่าวันสำคัญศาสนาPosted 1 week ago
- เสียเพราะรักPosted 2 weeks ago
- ตำรวจไทยโชว์ฝีมือPosted 2 weeks ago
- สามัคคีปรองดองกันให้ดีPosted 2 weeks ago
- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 2 weeks ago
ไทยเดินหน้าสู่ศูนย์กลางของโลก บุกเบิกพลังงานสีเขียว รู้จัก ‘เพาโลเนีย’ ต้นไม้แห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2022/08/002-59.jpg)
บริษัท ซัสเทนเนเบิ้ล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด โดย คุณทองภูมิ สิริพิพัฒน์ เดินหน้าประกาศร่วมทุนกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกและทีมนักวิจัยจากประเทศออสเตรเลีย ภายใต้โครงการที่เรียกว่า “SD Tree for Net Zero” โดยการดำเนินงานจะเริ่มในเดือนกันยายน 2565 และจะเป็นโครงการต่อเนื่อง โดยมีที่ดินเป็นของตนเองกว่า 60,000 ไร่ และคาดว่าจะมีการเพาะปลูกมากกว่า 125,000 ไร่ ในอีก 5 ปี ข้างหน้า
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2022/08/005-40-566x1024.jpg)
คุณทองภูมิ สิริพิพัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท ซัสเทนเนเบิ้ล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมทุนกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกและทีมนักวิจัยจากประเทศออสเตรเลีย ภายใต้โครงการ “SD Tree for Net Zero” ในครั้งนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในดิน และไม้ที่ผลิตขึ้นยังสามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนไม้ทั่วโลกในอุตสาหกรรมการก่อสร้างได้ โดยต้นเพาโลเนียเป็นต้นไม้ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และนักวิทยาศาสตร์ร่วมทุนได้พัฒนาวิธีที่จะทำให้ต้นไม้นี้เติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งไม่มีต้นไม้อื่นใดในโลกที่สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซต์ในปริมาณที่เท่ากันในระหว่างวงจรการเจริญเติบโตตามปกติ
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2022/08/006-31.jpg)
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2022/08/007-24.jpg)
ดังนั้น ต้นไม้เพาโลเนียจึงถูกเรียกว่า SDT หรือก็คือ “ต้นไม้แห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน” ด้วยมุมมองของมนุษยชาติในอนาคต ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยแต่รวมถึงผู้คนทั่วโลกอีกด้วย
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2022/08/009-17.jpg)
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2022/08/008-23.jpg)
“ประเทศไทยจะเป็นผู้บุกเบิกการเคลื่อนไหวด้านพลังงานสีเขียวนี้และจะเป็นแบบอย่างให้คนทั่วโลกลอกเลียนแบบ โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับวิธีใหม่ในการทำการเกษตรแบบยั่งยืน การสร้างองค์ประกอบทางชีววิทยาของดินขึ้นใหม่เพื่อแนะนำเทคนิคการปลูกพืชแบบผสมผสาน และการเปลี่ยนจากปุ๋ยและยาฆ่าแมลงแบบดั้งเดิมไปเป็นอินทรีย์บริสุทธิ์ 100% และระบบควบคุมทางชีวภาพสำหรับการจัดการ ศัตรูพืชและโรค”
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2022/08/001-63.jpg)
คุณทองภูมิ กล่าวด้วยว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ซึ่งรวมถึง Professor Peter Phongphaew หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าของโลก จะย้ายฐานการปลูกจากประเทศออสเตรเลียและที่อื่นๆ ในโลกมาปลูกที่ประเทศไทยภายในสามเดือนข้างหน้า ซึ่งโครงการนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานคนในท้องถิ่นหลายร้อยคนในทุกด้านตั้งแต่งานเรือนเพาะชำ ปลูกป่า และการเก็บเกี่ยว ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการและวิจัย เนื่องจากบริษัทร่วมทุนจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยมีศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและวิจัยพืชอย่างครอบคลุม ตลอดจนร่วมสร้างโอกาส และยังให้ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกด้วย
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2022/08/004-52.jpg)
ทางด้าน คุณมัลคอล์ม ลามอนต์ (Mr. Malcolm Lamont) ผู้เชี่ยวชาญเพาโลเนียชั้นนำของโลก ซึ่งทำงานกับต้นเพาโลเนียมานานเป็นเวลาร่วม 25 ปี กล่าวว่า “ในช่วงเวลานี้เองได้พัฒนาสายพันธุ์ SDT ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่น่าตื่นเต้นสำหรับประเทศไทย และสิ่งแวดล้อมทั่วโลก โครงการนี้จะทำให้ประเทศไทยเป็นตัวอย่างชั้นนำของโลก ไม่เพียงแต่ส่ง “คาร์บอนเครดิต” ที่สามารถขายได้ในตลาด แต่ยังผลิตไม้คุณภาพสูงส่งขายไปทั่วโลก โดยประเทศไทยมีความเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับโครงการนี้ เนื่องจากสภาพอากาศรวมถึงปริมาณน้ำฝนโดยรวมของแสงแดดและคุณภาพของดินซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการกักเก็บคาร์บอนของ SDT ให้ได้มากที่สุด”
You must be logged in to post a comment Login