วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริง

On September 30, 2022

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่   30 ก.ย. 65)

ถ้าความยุติธรรมหมายถึงความเสมอเหมือนกันทุกอย่าง  บางที ความเสมอเหมือนกันอาจทำให้บางคนเกิดความไม่พอใจก็เป็นได้  เช่น ถ้าพ่อซื้อเสื้อขนาดเดียวกันให้ลูกสามคนที่มีรูปร่างแตกต่างกัน ลูกคนที่ได้เสื้อขนาดพอดีตัวก็คงดีใจ  แต่ลูกอีกสองคนที่ได้เสื้อขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าตัวคงไม่พอใจเป็นแน่

ความยุติธรรมจึงไม่ได้หมายถึงการที่ทุกคนได้รับสิ่งที่เหมือนกัน  แต่หมายถึงการที่แต่ละคนควรจะได้รับสิ่งที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง  ที่ไหนไม่มีความยุติธรรม ที่นั้นจะไม่มีความสุข

ในอิสลาม  พระเจ้ามีพระนามและคุณลักษณะอย่างหนึ่งคือผู้ทรงยุติธรรม  ดังนั้น เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์ พระองค์จึงประทานคุณสมบัติแห่งความยุติธรรมให้เป็นคุณสมบัติทางธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์  ดังนั้น  มนุษย์จึงมีความรู้สึกเรื่องความยุติธรรมตั้งแต่เด็ก

นักเรียนประถมรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมได้ทันทีถ้าครูไม่สอนวิชาใด แต่ครูจะให้สอบวิชานั้น หรือครูให้นักเรียนสอบ แต่ไม่ประกาศผลสอบ  หรือให้คะแนนสอบไม่ยุติธรรม

โลกใบนี้เป็นเหมือนห้องสอบที่พระเจ้าผู้สร้างมนุษย์ต้องการทดสอบว่ามนุษย์เลือกที่จะทำความดีหรือทำความชั่ว และเฉลยข้อสอบได้ถูกส่งมาแล้วในรูปคำสอนของศาสนาที่บอกให้มนุษย์รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว อะไรจริงอะไรเท็จตั้งแต่มีมนุษย์บนโลกใบนี้

แต่เมื่อคนชั่วมีอำนาจ  การให้คะแนนสอบการทำความดีและความชั่วของมนุษย์ในโลกนี้จึงผิดเพี้ยนไป  ความยุติธรรมที่แท้จริงและสมบูรณ์จึงไม่มีบนโลกใบนี้  คนทำดีบางคนจึงยังไม่ได้รับรางวัลตอบแทนหรือได้รับอย่างไม่เหมาะสม  ส่วนคนชั่วบางคนรอดพ้นจากการถูกลงโทษเพราะผู้มีอิทธิพลให้ความช่วยเหลือหรือถูกลงโทษอย่างไม่สาสม  หรือบางคนยังไม่ทันถูกลงโทษก็ตายเสียก่อน หรืออาชญากรสงครามที่สังหารชีวิตผู้คนจำนวนมากไม่สามารถที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพื่อรับโทษประหารชีวิตสำหรับทุกคนที่ตัวเองสังหารไปได้อีก

เมื่อโลกนี้ไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมได้ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่พระเจ้าประกาศว่าพระองค์เป็นผู้ทรงยุติธรรม  ดังนั้น พระองค์จึงต้องสร้างความยุติธรรมขึ้นในอาณาจักรของพระองค์ที่อยู่นอกโลกแห่งชีวิตชั่วคราวของมนุษย์   ด้วยเหตุนี้  จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ทุกศาสนาต่างมีคำสอนเรื่องโลกหน้าไว้ในรูปของสวรรค์และนรกเป็นสิ่งตอบแทนอย่างยุติธรรมสำหรับมนุษย์

ในคำสอนของอิสลาม  การกระทำของมนุษย์อยู่ภายใต้การเฝ้ามองของพระเจ้าตลอดเวลาและการเฝ้ามองของพระเจ้านั้นมิได้มองแค่เพียงการกระทำที่แสดงออกมาเท่านั้น  แต่พระเจ้ายังมองลึกไปถึงเจตนาอันเป็นที่มาของการกระทำด้วยและการกระทำจะถูกตัดสินจากเจตนา  มนุษย์ทุกคนจะมีทูตสวรรค์เฝ้าติดตามเพื่อบันทึกการกระทำทุกอย่างไว้และบันทึกการกระทำนี้จะถูกนำขึ้นไปเก็บไว้ที่พระองค์ในทุกวันพฤหัส

ในทุกการละหมาด มุสลิมทุกคนถูกกำหนดให้อ่านข้อความจากคัมภีร์กุรอานตอนหนึ่งเพื่อย้ำเตือนตัวเองว่า “พระเจ้าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในวันพิพากษา”  ดังนั้น เมื่อวันพิพากษาหลังวันโลกาอวสานมาถึง  บัญชีความดีความชั่วของมนุษย์ทุกคนจะรออยู่ที่นั่นแล้ว  การตัดสินของพระเจ้าไม่ต้องอาศัยพยาน เพราะบันทึกการกระทำของแต่ละคนอยู่ที่พระเจ้าแล้ว และอวัยวะที่มนุษย์ใช้กระทำสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นแขน ขา หู ตาจะเป็นพยานยืนยันให้เอง

คัมภีร์กุรอานกล่าวว่าในวันนั้น  ใครที่ทำความดีแม้เพียงอณูหนึ่งก็จะได้เห็นความดีนั้น และใครที่ทำความชั่วแม้เพียงอณูหนึ่งก็จะได้เห็นความชั่วนั้น  หลังจากนั้น ความยุติธรรมอย่างแท้จริงและสมบูรณ์ก็จะเกิดขึ้น  ทุกคนจะได้รับการตอบแทนตามที่ตัวเองสมควรจะได้รับ

คนที่มีความเชื่อในโลกหน้าจึงสามารถอดทนต่อความไม่ยุติธรรมในโลกนี้และมีความหวังที่จะได้รับความยุติธรรมจากพระเจ้าในโลกหน้า


You must be logged in to post a comment Login