วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“อ.สุวินัย ภรณวลัย”เข้าใจผิดเรื่องต่างชาติซื้อที่ดินไทย

On October 4, 2022

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2565 หนังสือพิมพ์ “แนวหน้า” (https://bit.ly/3SywlMU) ได้ลงโพสต์ของ รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มีเนื้อหาว่า “ให้ต่างชาติครองที่ดิน…ทำไมตอนทักษิณทำบอกขายชาติ พอลุงตู่ทำบอก ไม่ขายชาติ” แล้ว อ.สุวินัยก็เขียนต่อว่า “ตอบแบบง่ายๆ…มึงโง่ไง!” ข้อเขียนของ อ.สุวินัยคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ถือเป็นการตอบแบบไม่มีความรู้

“บ้านเมือง” พาดหัวว่า “‘อ.สุวินัย’แชร์โพสต์ปมให้ต่างชาติครองที่ดิน‘ยุคทักษิณ-ลุงตู่’ คำตอบง่ายๆแต่อึ้ง!” โดย อ.สุวินัย ให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่า “ขอตอบแบบคนบริหารประเทศนะ สิ่งที่นักการเมืองอย่างทักษิณไม่ทำ ก็คือ พรบ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พระราชบัญญัติที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 มีผลบังคับใช้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 โดยกำหนดให้เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะต้องเสียภาษีภายในเดือนเมษายนของทุก ๆ ปี ที่ผ่านมานักการเมืองและนายทุนพรรค ไม่ยอมให้ออก เพราะเสียประโยชน์ และมันสร้างช่องโหว่ ถ้าให้ต่างชาติถือครอง 50 ปี หรือ 99 ปี การให้ต่างชาติถือครองที่ดิน โดยไม่มี พรบ. ฉบับนี้ล่ะ ที่เรียกว่า ขายชาติ ! ต่างชาติสามารถถือที่ดินไว้เฉยๆ โดยไม่ทำอะไร สมมุติ ซื้อไปครึ่งประเทศ แล้วทิ้งไว้เฉยๆ ไทยจะเสียหายอย่างมาก เหมือนเสียเอกราช เสียดินแดน มันต้องปิดช่องโหว่…”

“ลุงตู่ไม่ใช่นักการเมือง จึงออก พรบ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เก็บภาษีเจ้าของที่ดิน ไม่ว่าจะใช้ประโยชน์หรือไม่ก็ตาม ที่ดินรกร้างว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ หมายถึง ที่ดินว่างเปล่าที่ไม่ได้ทำประโยชน์ตามสมควรแก่สภาพ รัฐจะเก็บภาษีในช่วง 2 ปีแรก คือปี 2563-2564 ในอัตรา 0.30 – 0.70% ขึ้นอยู่กับมูลค่าทรัพย์สิน และตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป จะเก็บภาษีสูงสุด 1.20% แต่ในกรณีที่ที่ดินนั้นไม่ได้ใช้ประโยชน์เลยติดต่อกัน 3 ปี รัฐจะเก็บภาษีเพิ่ม 0.30% ทุก ๆ 3 ปี แต่รวมแล้วจะไม่เกิน 3% เช่น ปีนี้เรามีที่ดินเปล่าไม่ได้ทำประโยชน์อยู่ เราต้องเสียภาษี 0.30% เมื่อผ่านไป 3 ปี ถ้าเรายังไม่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้นอีก ก็จะต้องเสียภาษีที่ดินแปลงนั้นเพิ่มเป็น 0.60% รัฐสามารถแก้ บัญชีแนบท้าย ยกเลิกสวนกล้วยก็ได้ แต่กฎหมายหลักยังคงเดิม. . .สรุป คือ สร้างหรือทำอะไรบนที่ดินต้องขออนุญาต ไม่ทำอะไร ต้องจ่ายภาษี ไม่เสียภาษี โดนปรับ แล้วอาจโดนยึดที่ดิน…ถ้าทำแบบทักษิณ จะยึดไม่ได้ สรรพกรพ่อทุกสถาบัน เคยได้ยินมั้ย? เสียใจด้วย แต่ลุงตู่ ฉลาดกว่าทักษิณว่ะ”

ข้อเขียนของ อ.สุวินัย คลาดเคลื่อนเป็นอย่างมาก

1. เรื่องกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เขาจะทำกันมาหลายรัฐบาลแล้ว ผู้เขียนก็พารัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี ไปดูงานมาแล้วหลายรัฐบาลในหลายที่ แต่พอดีเจอ “ประยุทธ์” ยึดอำนาจก่อนต่างหาก  ยึดอำนาจตั้งแต่ปี 2557 แต่กว่าจะมี พรบ.นี้ก็ปาไปปี 2562  นี่ถ้าไม่มีการยึดอำนาจ พรบ.นี้คงออกมานานแล้ว

2. พรบ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ออกมาในรัฐบาลประยุทธ์ก็ผิดเพี้ยน ช่วยคนรวยสารพัด แสร้งปลูกกล้วย เลี้ยงวัว ก็ได้รับการลดหย่อนภาษีสารพัด จนแทบไม่ต้องเสียภาษี เช่น ถ้ามีที่ดินราคา 100 ล้านบาทตามราคาประเมินราชการแต่อาจเป็น 300 ล้านบาทตามราคาตลาด ก็เสียภาษี 0.01% หรือ 10,000 บาท (เดือนละ  833 บาท) ถูกกว่าค่าเก็บขยะในอาคารชุดเสียอีก ภาษีที่เสียสำหรับคนรวยจึงยังอาจน้อยกว่าค่ารถที่เดินทางไปเสียภาษีที่อำเภอเสียอีก

3. การเก็บภาษีตาม พรบ.นี้ เก็บตามราคาประเมินราชการซึ่งต่ำกว่าความเป็นจริงมาก เช่น ที่ดินแถวสยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิต ราคาตลาดปาเข้าไปตารางวาละ 3.5 ล้านบาท แต่รัฐบาลประเมินไว้แค่ 8 แสนถึง 1 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็นการช่วยเจ้าสัวนายหัว รวมทั้งพวกต่างชาติที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์ในทำเลงามอย่างสุดๆ

4. อ.สุวินัยเป็นนักเศรษฐศาสตร์น่าจะทราบว่าในประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐอเมริกา เขาเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 1-3% ของราคาประเมินราชการที่ใกล้เคียงกับราคาตลาด ไม่ใช่ราคาประเมินแบบต่ำเช่นในไทย อย่างกรณี อ.ชัชชาติไปซื้อบ้านในสหรัฐอเมริกา ที่ขณะนี้มีราคา 70 ล้านบาท ในแต่ละปี ท่านต้องเสียภาษีถึง 7 แสนบาทเป็นอย่างน้อย แต่ฝรั่งมาซื้อบ้าน 70 ล้านในไทย เผลอๆ ราคาประเมินราชการก็อาจแค่ 20 ล้านบาท ไม่ต้องเสียภาษีอีกต่างหาก นี่แหละกฎหมายให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในยุคประยุทธ์จึงเป็นการขายชาติ

5. นอกจากนี้ในแทบทุกประเทศมีภาษีมรดกเก็บกันอย่างหนักไปจนถึง 50-60% ของอสังหาริมทรัพย์ในกองมรดก ในไทยก็มีการอุปโลกน์กฎหมายนี้เหมือนกัน แต่แทบไม่มีการเก็บ รวมทั้งภาษีกำไรจากการขาย ก็เก็บน้อยมากเมื่อเทียบกับในประเทศตะวันตก  การที่ประยุทธ์ให้ต่างชาติมาซื้อบ้านและที่ดินในวันนี้จึงเท่ากับการขายชาติชัดเจน

6. อ.สุวินัยควรศึกษาให้ดีว่าในมาเลเซียเขากำหนดให้ต่างชาติซื้อบ้านได้ในราคา 1-2 ล้านริงกิต (8-16 ล้านบาทขึ้นไป) จะได้ไม่แย่งซื้อกับคนไทย แต่ในไทยต่างชาติมาแย่งซื้อในราคาเดียวกับคนไทยเลย  ในฮ่องกงและสิงคโปร์ราคาห้องชุดของเขาแพงอยู่แล้ว เขาเลยไม่ได้กำหนดราคาขั้นต่ำ แต่กำหนดว่าต่างชาติที่มาซื้อต้องเสียภาษี 30-35% ของราคาก่อนเลยเพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศ แต่ไทยก็ไม่เก็บ ยิ่งกว่านั้นออสเตรเลียก็กำหนดให้ต่างชาติซื้อได้แต่บ้านมือหนึ่ง บ้านมือสองห้ามซื้อจะได้ไม่แย่งชาวบ้านซื้อนั่นเอง  ประยุทธ์ไม่ได้ใส่ใจในผลประโยชน์ของคนไทยเท่าที่ควรเลย

7. ในประเทศไทย ต่างชาติมาสวมบัตรประชาชนคนไทยก็มีให้เห็น แก๊งอาชญากรรมต่างชาติก็มาก เราก็แทบไม่มีปัญญาไปจัดการอะไร  การให้ต่างชาติมาซื้อบ้านสงเดช อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคง อย่างไต้หวันก็ยังกำหนดว่า ใครซื้อบ้านจะอยู่ในไต้หวันได้ไม่เกินปีละ 4 เดือน เพื่อป้องกันการรากงอก และต้องห้ามขายต่อภายใน 3 ปี เพื่อป้องกันการเก็งกำไร ไทยก็ไม่เคยมีมาตรการที่รอบคอบอย่างนี้

ที่ผู้เขียนให้ความเห็นนี้เป็นการมองต่างมุมเพื่อสังคมอุดมปัญญา สังคมจะได้เข้าใจภัยร้ายของการให้ต่างชาติมาครองครองอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งจะเป็นภัยต่ออนุชนรุ่นหลังของไทยเรา


You must be logged in to post a comment Login