- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
มหัศจรรย์แห่งการมาของนบีมุฮัมมัด
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 7 ต.ค. 65)
บนโลกใบนี้ ไม่มีการกำเนิดของมนุษย์คนใดมหัศจรรย์เท่ากับอาดัมและอีฟ พ่อแม่ของมนุษยชาติและเยซัสไครสต์ เพราะอาดัมและอีฟเกิดมาโดยไม่มีพ่อและแม่ แต่เกิดขึ้นจากการสร้างของพระเจ้าโดยตรง
ส่วนเยซัสไครสต์ถือกำเนิดมาจากนางมารีย์หญิงพรหมจรรย์โดยไม่มีพ่อ ทั้งนี้เพื่อให้ลูกหลานอิสราเอลได้เห็นถึงอำนาจของพระเจ้าว่าพระองค์อยู่เหนือกฎธรรมชาติ ถ้าพระองค์ประสงค์จะทำสิ่งใด พระองค์ไม่จำเป็นต้องอาศัยกฎธรรมชาติ แค่เพียงกล่าวว่า “จงบังเกิดขึ้น” สิ่งที่พระองค์ประสงค์ก็เกิดขึ้นในบัดดล
ในคำสอนของอิสลาม ทั้งอาดัมและเยซัสไครสต์ถูกถือว่าเป็นนบีผู้นำคำสอนของพระเจ้ามายังมนุษชาติเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต แต่การกำเนิดของนบีมุฮัมมัด แม้จะเป็นการถือกำเนิดเหมือนคนธรรมดา แต่การมาของท่านถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะพระเจ้าได้กล่าวไว้ในคัมภีร์กุรอานว่า “เรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใดนอกไปจากเพื่อเป็นความเมตตาต่อโลกทั้งหลาย”
นบีมุฮัมมัดถูกส่งมาเพื่อทำให้แนวทางการดำเนินชีวิตที่พระเจ้าประทานแก่มนุษย์มาตั้งแต่สมัยอาดัมมีความสมบูรณ์ครบถ้วนหลังจากที่ถูกบิดเบือนมาตลอดเมื่อนบีก่อนหน้านี้จากไป ดังนั้น นบีมุ
ฮัมมัดจึงถูกถือว่าเป็นนบีคนสุดท้ายที่พระเจ้าส่งมาและคัมภีร์กุรอานเป็นวจนะครั้งสุดท้ายที่มีมายังมนุษยชาติ
การมาของนบีมุฮัมมัดมีความมหัศจรรย์ตรงที่ในขณะยังมีชีวิต ท่านเคยบอกสาวกของท่านว่า “ฉันคือการวิงวอนของอิบรอฮีม(อับราฮัม)และคนสุดท้ายที่มาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับฉันคืออีซา(เยซัสไครสต์)”
เมื่อตรวจสอบคัมภีร์กุรอาน เราพบว่าก่อนหน้านบีมุฮัมมัดประมาณสามพันปี อิบรอฮีมเคยวิงวอนต่อพระเจ้าหลังจากสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเสร็จตามคำบัญชาว่า “โอ้ พระผู้อภิบาลของเรา โปรดให้ในหมู่พวกเขา(ลูกหลานของท่าน) มีศาสนทูตขึ้นมาคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่จะมาสาธยายวจนะทั้งหลายของพระองค์แก่พวกเขาและสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่พวกเขาและขัดเกลาชีวิตของพวกเขาให้สะอาด” (กุรอาน 2:192)
นอกจากนี้ คัมภีร์กุรอานยังบอกว่าท่านเป็นศาสนทูตหรือนบีที่อ่านเขียนไม่เป็น แต่การมาของท่านและชื่อของท่านได้ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์เตารอตและอินญีล (กุรอาน 7:155-157)
“เตารอต” หรือโตราห์(Torah) คือคัมภีร์ที่ถูกประทานแก่โมเสสเพื่อเป็นกฎหมายจัดระเบียบสังคมของพวกลูกหลานอิสราเอล ปัจจุบัน หาอ่านได้ในพันธสัญญาเดิมของคัมภีร์ไบเบิล
ส่วน “อินญีล” (Gospel) คือคัมภีร์ที่ถูกประทานแก่นบีอีซาหรือเยซัสไครสต์เพื่อมายืนยันธรรมบัญญัติเดิมที่ถูกประทานแก่โมเสส ปัจจุบัน สามารถพบร่องรอยได้ในพันธสัญญาใหม่ของคัมภีร์ไบเบิล
เมื่อศึกษาพันธสัญญาเก่า เราพบข้อความตอนหนึ่งว่า :
และพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้า(โมเสส)ว่า “ซึ่งเขาพูดมาเช่นนั้นก็ดีอยู่ เราจะโปรดให้บังเกิดผู้เผยพระวจนะอย่างเจ้าในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวบรรดาสิ่งที่เราบัญชาเขาไว้นั้นแก่ประชาชนทั้งหลาย ผู้ใดไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเรา เราจะกำหนดโทษผู้นั้น แต่ถ้าผู้เผยพระวจนะคนใดบังอาจกล่าวคำในนามของเราซึ่งมิได้บัญชาให้กล่าว หรือผู้นั้นกล่าวในนามพระอื่น ผู้เผยพระวจนะนั้นต้องมีโทษถึงตาย” (เฉลยธรรมบัญญัติ 18.17-20)
เมื่อศึกษาพันธสัญญาใหม่ เราพบข้อความที่เป็นบันทึกคำพูดของเยซัสไครสต์ดังนี้
“เราจะขอบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย คือ การที่เราจะไปนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป พระองค์ผู้ช่วยนั้นจะมิได้มาหาท่าน แต่ถ้าเราไป เราจะใช้พระองค์นั้นมาหาท่าน…เมื่อพระองค์นั้นมาแล้ว พระองค์จะบันดาลให้โลกรู้สึกถึงความผิด ถึงความชอบธรรมและการพิพากษา…เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะบอกท่านทั้งหลาย แต่เดี๋ยวนี้ท่านยังรับเอาไม่ได้ แต่เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทุกอย่าง เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง แต่พระองค์ได้ยินสิ่งใดก็จะตรัสสิ่งนั้น และจะแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้สิ่งเหล่านั้นซึ่งจะเกิดขึ้น” (โยฮัน 16 : 7,8,12,13)
พันธสัญญาใหม่เป็นการรวบรวมบันทึกของสานุศิษย์คนสำคัญของเยซัสไครสต์ บาร์นาบัสเป็นสานุศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งที่บันทึกคำพูดของเยซัสไครสต์ไว้ แต่บันทึกของเขาไม่ได้ถูกนำมารวมไว้ในคัมภีร์เบิลปัจจุบัน เพราะข้อความในบันทึกของเขามีดังต่อไปนี้ :
ครั้นปุโรหิตถามว่า “มาซีฮานั้นจะถูกเรียกอย่างไร และอะไรเป็นสัญญาณแสดงให้เราเห็นถึงการมาของเขา ?” พระเยซูตอบว่า “นามของมาซีฮานั้นคือการสรรเสริญ พระเจ้าทรงให้นามแก่เขา ขณะที่พระองค์ทรงให้บังเกิดวิญญาณของเขาและสถิตอยู่ในสวนสวรรค์ พระเจ้าตรัสว่าจงคอยมุฮัมมัด เพื่อประโยชน์ของเจ้า จึงได้บังเกิดสวรรค์โลกและสิ่งที่ถูกบังเกิดอีกมากมาย เราให้เจ้ากำเนิดเป็นของขวัญ ผู้ใดให้พรแก่เจ้า ผู้นั้นจะได้รับพร ผู้ใดสาปแช่งเจ้า ผู้นั้นก็จะถูกสาปแช่งด้วย เมื่อเราจะส่งเจ้าไปยังโลก เราจะส่งเจ้าไปในฐานะศาสนทูตเพื่อความรอดพ้น และโลกของเจ้าจะถูกนำไปสู่ทางอันเที่ยงตรง แม้นฟ้าและแผ่นดินจะสิ้นสลายแต่ความศรัทธาของเจ้าจะไม่สลาย”
“มุฮัมมัด(แปลว่า ผู้ได้รับการสรรเสริญ)เป็นนามที่พระองค์ทรงให้พร”
บรรดาพวกเขาต่างก็แซ่ซ้องร้องว่า “โอ้พระเจ้า โปรดประทานศาสนทูตของพระองค์ลงมาเถิด โอ้ มุฮัมมัด จงมาเร็วเถิดๆเพื่อนำโลกไปสู่หนทางแห่งความรอดพ้น” (จากคัมภีร์ไบเบิล ฉบับของเซนต์ บาร์นาบัส ซึ่งลอนส์เดล (Lonsdale) และลอร่า แร็กก์ (Laura Ragg) แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเป็นผู้แปลจากต้นฉบับภาษาอิตาเลียนเป็นภาษาอังกฤษ ที่ห้องสมุดอิมพีเรียล กรุงเวียนนา)
เนื่องจากนบีมุฮัมมัดถูกส่งมาเพื่อทำให้วจนะของพระเจ้าที่มีแก่มนุษย์ครบถ้วนสมบูรณ์ คัมภีร์กุรอานจึงกล่าวว่า “แท้จริง อัลลอฮฺและทูตสวรรค์ของพระองค์ประสาทพรแก่นบี โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงประสาทพรแก่เขาและขอพรแห่งสันติให้แก่เขา” (กุรอาน 33:56)
นบีมุฮัมมัดเกิดวันที่ 12 เดือนเราะบีอุลเอาวัล ตามปฏิทินฮิจญ์เราะฮฺศักราช ปีนี้ตรงกับวันที่ 9 ตุลาคม 2565
You must be logged in to post a comment Login