วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

สัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ของศาสดา

On October 21, 2022

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่   21 ต.ค.  65)

ไม่มีชาวยิว ชาวคริสเตียนและชาวมุสลิมคนใดไม่รู้จักโมเสส เพราะชื่อและเรื่องราวของโมเสสถูกกล่าวไว้ทั้งในคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอาน   อย่าว่าแต่ศาสนิกของทั้งสามศาสนาเลย แม้แต่ศาสนิกอื่นก็ยังรู้จักโมเสสจากภาพยนตร์เรื่องบัญญัติสิบประการที่ลงทุนสร้างอย่างยิ่งใหญ่และนำออกฉายทั่วโลก

บัญญัติสิบประการเป็นสาระสำคัญของ “โตราห์” (กฎหมาย)ที่พระเจ้าประทานแก่โมเสสเพื่อนำไปใช้ในการปกครองพวกลูกหลานอิสราเอลที่ร่อนเร่อยู่ในทะเลทรายซีนายหลังโมเสสพาอพยพออกมาจากการถูกปกครองอย่างกดขี่ของฟาโรห์แห่งอียิปต์

หลังสมัยโมเสส  พวกลูกหลานอิสราเอลถูกชนเผ่าต่างๆรุกรานขับไล่ บันทึกโตราห์ดั้งเดิมได้สูญหายไป  พระเจ้าจึงส่งเยซัสไครสต์มาพร้อมกับคัมภีร์ที่ยืนยันธรรมบัญญัติเดิมหรือโตราห์ของโมเสส  คัมภีร์กุรอานเรียกคัมภีร์ที่พระเจ้าประทานแก่เยซัสไครสต์ว่า “อินญีล” (Gospel)

ปัจจุบัน  ธรรมบัญญัติบางส่วนของโตราห์และอินญีลยังคงมีให้เห็นได้ในพันธสัญญาเก่าและพันธสัญญาใหม่ของคัมภีร์ไบเบิล

ก่อนโมเสสขึ้นไปรับคัมภีร์โตราห์บนภูเขาซีนาย  เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูตของพระเจ้าที่หุบเขาตุวาที่เชิงเขาฏูรฺเมื่อเขาเดินทางกลับอียิปต์หลังจากหนีไปหลบภัยที่ดินแดนของชาวมัดยันเป็นเวลากว่าสิบปี 

เมื่อได้รับการแต่งตั้งแล้ว  พระเจ้าได้มอบหมายภารกิจใหญ่ให้เขาสองประการ นั่นคือ 1) ไปบอกฟาโรห์ให้เลิกตั้งตัวเป็นพระเจ้าและหันมาเคารพสักการะพระเจ้าที่แท้จริง 2) ช่วยเหลือพวกลูกหลานอิสราเอลที่ถูกฟาโรห์กดขี่ลงเป็นทาส

ภารกิจที่พระเจ้ามอบให้โมเสสนั้นยิ่งใหญ่และเขารู้จุดอ่อนของตัวเองดี นั่นคือ เขาไม่มีแสนยานุภาพทางทหารหนุนหลัง  พระเจ้าจึงสัญญาว่าพระองค์จะคอยช่วยเหลือเขา  แต่เขาก็รู้ว่าตัวเองยังมีจุดอ่อนอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ เขาเป็นคนพูดตะกุกตะกัก  เขาจึงขอพระเจ้าให้แต่งตั้งอาโรน(หรือฮารูน)พี่ชายของเขาเป็นผู้ช่วย  และพระเจ้าได้ตอบรับคำขอของเขา

มีคำบอกเล่าว่าโมเสสพูดตะกุกตะกักมาตั้งแต่เล็ก  สาเหตุก็คือ โมเสสเกิดในปีที่ฟาโรห์สั่งให้ฆ่าเด็กทุกคนที่เกิดจากพ่อแม่ชาวอิสราเอล เพราะเขาฝันว่าจะมีเด็กคนหนึ่งจากลูกหลานอิสราเอลมาโค่นอำนาจเขาและโหรได้แนะนำให้เขาฆ่าทารกของพวกอิสราเอลทุกคนที่เกิดในปีนั้น

แต่โมเสสได้รับความคุ้มครองจากพระเจ้าให้รอดจากการถูกฆ่า เพราะแม่ของเขาได้นำเขาใส่กล่องไปลอยในแม่น้ำ ต่อมา  ภรรยาของฟาโรห์ได้พบทารกมูซาในกล่องที่ลอยน้ำมาและนำเขาเข้าไปเลี้ยงในวังของฟาโรห์โดยที่ฟาโรห์ไม่เต็มใจ

เมื่อทารกโมเสสโตขึ้นเป็นเด็ก  ฟาโรห์ได้เข้าไปกอดโมเสสเพื่อเล่นกับเขา  แต่เขากลับถูกทารกโมเสสตบหน้าและเอาไม้ตีหัวของเขา  ฟาโรห์จึงเกิดความระแวงขึ้นมาและคิดจะฆ่าทารกโมเสส  แต่นางอาซียะฮฺภรรยาของฟาโรห์แก้ต่างให้ว่าโมเสสยังเป็นเด็กไร้เดียงสาและทำไปโดยไม่มีเจตนา เมื่อฟาโรห์ยังมีท่าทีสงสัย  นางจึงหาทางที่จะแสดงให้ฟาโรห์เห็นว่าเด็กไม่ประสีประสาจริงๆ

นางสั่งให้บริวารเอาถ้วยมาสองใบ  ใบหนึ่งใส่ถ่านไฟที่กำลังร้อน อีกใบหนึ่งใส่หินหลากสีเพื่อให้เด็กเลือก  ปรากฎว่าทารกโมเสสหยิบถ่านไฟที่กำลังร้อนใส่ปากและโดนลิ้นของเขา  และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาพูดจาตะกุกตะกักมาตั้งแต่เด็ก

เรื่องราวตอนนี้เป็นเพียงตำนานคำบอกเล่า  ไม่ได้มีกล่าวไว้ในคัมภีร์กุรอาน  แต่เรื่องราวที่โมเสสขอให้พระเจ้าแต่งตั้งใครสักคนช่วยเขาปฏิบัติภารกิจได้ถูกเล่าในคัมภีร์กุรอานที่พระเจ้าประทานแก่นบีมุฮัมมัด  ในตอนนั้น นบีมุฮัมมัดเพิ่งเริ่มเผยแผ่อิสลามและถูกต่อต้านจากหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺอย่างหนักและท่านรู้สึกว่าต้องการคนช่วยเหลือ 

เมื่อพระเจ้าประทานเรื่องราวของโมเสสมา  นบีมุฮัมมัดจึงขอต่อพระเจ้าให้เลือกคนหนึ่งคนใดในสองคนที่ท่านต้องการให้มาเป็นผู้ช่วยปฏิบัติภารกิจ  พระเจ้าได้เลือกอุมัรฺให้ท่านโดยพลิกผันหัวใจของเขาให้มาเข้ารับอิสลาม และต่อมา อุมัรฺได้เป็นกำลังสำคัญของนบีมุฮัมมัดในการทำให้อิสลามมีความเข้มแข็งและแผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวาง


You must be logged in to post a comment Login