- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
บทเรียนสู้ธรรมชาติ
คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 26 ต.ค. 65)
เรื่องของน้ำก็ยังเป็นเรื่องที่ชอกช้ำระกำใจกันหลายแห่ง หลายที่ หลายราย โดยเฉพาะตั้งแต่พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ซึ่งอาตมาเองก็ต้องเรียกกันว่า เฝ้าดูระทึกว่า ถ้าปีนี้รอด น้ำไม่ท่วม อีก 2-3 ปีข้างหน้า ได้กิน ได้ทานทุเรียนอย่างอิ่มหนำสำราญแน่นอน แต่ถ้าเกิดท่วมขึ้นมาก็เป็นอันว่า ล้มระเนระนาด เจ๊ง ข้ามปี 3 ปีกันไปเลย เพราะปี 2554 ตอนน้ำท่วมครั้งนั้น ทุเรียน 800 ต้นตายเรียบ ไม่เหลือแม้แต่ต้นเดียว
บัดนี้ปลูกมาจนกระทั่งได้เห็นดอกมันแล้ว เมื่อปีที่แล้วมีดอก มีลูกบ้าง แต่ปีนี้น่าจะดกมาก แต่ถ้าเป็นปีหน้าไม่มีเลยก็ยิ่งจะไปกันใหญ่เลย ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า น้ำตาตกใน แต่เราจะเป็นพระร้องไห้ ระทมจมทุกข์ไม่ใช่ เรียกว่า ไม่ใช่หน้าที่ถึงขนาดนั้น ว่า จะเป็นต้นแบบ ตัวอย่างให้ใครดูได้ อะไรจะเกิดมันก็ต้องยอมให้เกิด แต่เกิดแล้วเราจะต้องรู้เท่า รู้ทัน รู้แก้ รู้กันมันอย่างไร
เราคงจะไม่ถึงขั้นที่เรียกกันว่า น้ำตาตกใน หัวใจเหี่ยวห่อ แทบจะฝ่อไม่มีอารมณ์ทำงานอย่างนั้น มันก็ไม่ได้ มันต้องมีการทำใจเป็น อะไรจะเกิดต้องเกิดได้ แต่เราห้ามฟ้า ห้ามอะไรไม่ได้ แต่เราต้องห้ามใจได้ ที่เราจะไม่เสียอก เสียใจ ถึงขั้นที่เรียกกันว่า น้ำตาไหล น้ำร่วง น้ำตาไหลมันเป็นไปไม่ได้ มันต้องแค่เศร้า แต่ไม่ซึม เศร้าแต่ต้องสู้ อยู่กับมันให้ได้ ไม่ใช่เศร้าแล้วร้องไห้ ร้องห่ม ระทมทุกข์ เรียกว่า หาความสุขไม่ได้เลย
เชื่อว่า มันก็ต้องมีทางอย่างหนึ่ง พอท่วมแล้วอาจจะต้องปลูกกล้วย ปลูกอะไรก็ว่ากันไป แต่เชื่อว่า คงจะต้องสู้ได้ เพราะว่า ฝนหยุดมาช่วงหนึ่งทำให้พอมองเห็นว่า มันน่าจะผ่าน แต่ว่า มันมาเข้าถึงจ.นนทบุรี ธรรมดาที่จ.นนทบุรีนี่ คุณธนเดชากุล นายกเทศมนตรี นครนนทบุรี ยอดเยี่ยมามาหลายปี แต่ปีนี้ต้องเรียกว่า ท่วม ทางฝั่งซีกศาลากลางเก่าค่อนข้างผุดลุก ผุดนั่ง เพราะมีน้ำผุดขึ้นมาจากใต้ดินบ้าง อะไรบ้าง
ต้องเรียกกันว่า ปีนี้ไม่แพ้ปี 2554 เท่าไร เห็นบอกว่ายังน้อยกว่ากัน 60 เซนติเมตร ถึงจะมากเท่าปี 2554 แค่ศอกเดียว ถ้าขึ้นเลยอีกศอกเดียวก็ล่มจมกันระเนระนาด แต่เอาล่ะ ยังไงก็อยากจะฝากบอกรัฐบาลว่า อย่าให้ปีนี้ซ้ำปีเก่า แล้วก็อย่าให้ปีต่อไปต้องไม่ใช่อะไรๆก็ทำกันช่วงฤดูที่มันมา แต่พอเลยไปแล้วก็แทบจะไม่นึก ไม่คิด ไม่ฝัน ไม่สร้างสรรค์อะไรกันขึ้นมา แก้มลิง หลุมขนมครก บ่ออะไรต่างๆไม่ได้ทำ
ถ้าทำขึ้นมาจริงๆแล้วเชื่อเหลือเกินว่า ทุกอย่างต้องผ่าน ได้บทเรียน ทำให้รู้ ทำให้ฉลาด ทำให้สู้กับธรรมชาติได้อย่าง ไม่ใช่แพ้ยับเยิน และต่อไปนี้คงจะต้องเรียกว่า ก่อนที่น้ำจะมา การพร่องน้ำไว้ก่อนเป็นเรื่องสำคัญ บางคนต่างดูดใส่กัน มันก็แน่นอนก็พังพินาศไปด้วยกัน แต่ถ้าเรามีที่เก็บ ที่กัก แล้วฟังดูแล้วมันมีเรื่องคนร้องทุกข์อยู่ ฟังดูแล้วมันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย เมื่อก่อนเรากินน้ำฝนกันได้ เดี๋ยวนี้ทำไมไม่เก็บน้ำฝนกิน
แล้วมาบ่นว่า ขาดน้ำดื่ม ไม่มีน้ำดื่ม ร้องกันโอดโอยต่อว่า ต่อขานว่า ไม่มีน้ำดื่ม จะไม่มีหลังคา ไม่มีที่รอง ไม่มีที่เก็บ สมัยก่อนโน้นก็กินน้ำฝนกันได้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ กินน้ำขวดที่เขากรอกใส่ขาย จนกระทั่งเรียกว่า ติดน้ำขวดไปแล้วก็เลยไม่ได้คิดเก็บน้ำฝนเท่าไร ตุ่มใส่ถัง ใส่โอ่ง ใส่อ่างอะไรก็แล้วแต่เหมือนสมัยก่อน ก็หวังว่า อีกไม่นานเราต้องได้บทเรียนดีแน่นอน
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login