- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
ยมทูตเตือนให้เราฉลาด

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 8 พ.ย. 65)
วัย 73 ปี ชีวิตพระพยอมในวัยนี้ต้องถูกบันทึกในเกียรติประวัติเล่าไว้วัย 73 ปี คือ เป็นวัยที่โดนเจาะเลือดมากที่สุด เพราะป่วย อาพาธนี่ วันหนึ่งบางทีถูกเจาะ 2 ข้าง 2-3 ครั้ง มานั่งคิดเราทำกรรมอะไรไว้ ไปดูดเลือด ดูดเนื้ออะไรใครไว้ มาชาตินี้ถึงต้องถูกเจาะเลือดอยู่เรื่อย และเข็มนี่บางทีเจาะก็ไม่ค่อยได้ตกถึงที่ เจาะผิดที่บ้าง เจาะซ้ำ เจาะลึกตรงที่เรียกว่า เจ็บปวดพอสมควร แต่ว่า พอหมอจะเอาเข็มมาเจาะเลือดทีไรต้องนึกในใจ วันนี้โดนแมงป่องต่อย มันก็เจ็บประมาณ แต่ไม่ถึงขั้นตะขาบ แต่ก็มีจี๊ดพอสมควร
สิ่งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็คือ ปัสสาวะ ธรรมดาแล้วปัสสาวะจะต้องออกมาสุดซอย จบ แต่คราวนี้คืนหนึ่งลุกมาปัสสาวะตั้ง 8-9 ครั้ง แล้วแต่ละครั้งทรมานมาก เรียกว่า เหมือนมีอะไรไปติดขัดๆขวางลำกล้องปัสสาวะทำให้ไม่สะดวกเลย ใช้เวลาในห้องน้ำนาน และออกมากระปริบกระปรอยทีละนิด ทีละหน่อย ด้วยอาการเจ็บปวด เจ็บแสบในลำกล้องปัสสาวะมาก นี่ก็ต้องเรียกกันว่า ความชรามาตักเตือนแล้ว
เราก็คิดอะไรนอนนึก ทบทวนทำว่า นี่แหละสังขาร ยิ่งมานึกถึงคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาสว่า ยามเจ็บไข้เตือนให้ฉลาด เราอย่าโง่กับความเจ็บไข้ มานั่งครวญร้องทุกข์ ตีอก ชกตัว เขกหัว ร่ำไห้ ไม่ได้สะดวกสบาย ก็ต้องยอมรับว่า วัย 73 ปี ทำให้คิดได้ว่า เราน่าจะอยู่ได้ไม่นาน ก็รีบทำงาน ทำการให้เสร็จ จะแต่งหนังสือเล่มสุดท้ายเล่มเรื่องเล่าไว้วัย 73 นี่ มันมีอะไรผ่านมาได้ มาเขียน มาบวก มาลบ กระทบพบผ่านอย่างชนิดที่เรียกว่า ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต
เช่น ไออย่างหนัก เดินหมุนเวียน บางครั้งกุฎิหมุน ธรรมดาหมุมมันหมุนแบบวนๆข้างฃ้างๆ แต่นี่มันหมุนแบบเอาหัวขึ้น เดี๋ยวเอาขาขึ้น เอาหัวลงอะไรทำนองนั้น กุฎิมันหมุนแบบหงายหลัง หงายคว่ำ ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เวลาดีเราก็ดี ทำงาน ทำการได้ นี่แหละพระพุทธเจ้าตรัสว่า ความเจ็บไข้มันก็มีมาในความไม่เจ็บ ไม่ปวดนี่แหละ ความแก่ก็มีมาแล้วในความเกิด ความเจ็บไข้ก็มีมาแล้วในความไม่เจ็บ
วันนี้ วานนี้ยังอยู่ดีๆ เดี๋ยวต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว และตอนนี้ก็ไปหลายโรงพยาบาล อาทิตย์เดียวไปโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ไปโรงพยาบาลโรคทรวงอก และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ต้องนอนตั้ง 2-3 คืน เสียดายงานว่า เราอยากจะทำงานให้มันเสร็จก่อนตาย เลยทำให้คำว่า พยายามจะให้เสร็จก่อนตาย ไม่อยากให้มันตายก่อนเสร็จ ก็มากระซิบ มาเตือน ภาษาธรรมะ เราเรียกว่า เทวทูต ยมทูต มาคอยตักเตือนให้เราฉลาด
เรียกว่า ให้เราไหวทัน ไม่ประมาท ไม่ชะล่าใจ ให้อยู่กับธรรมะให้แนบแน่น และก็มั่นใจว่า ความเจ็บไข้ครั้งนี้มันก็ดี เราจะได้รู้สึกว่า ไม่มีแล้ว โอกาสที่จะสึกไปแบบพระดังๆที่เขาสึกกันไป เราคงจะเอาความเจ็บไข้มาเตือนให้เราฉลาด จะสึก ไปป่วย ไปเจ็บ ก็จะลำบากแก่คนที่จะดูแล เลยต้องเรียกว่า โชคดีนาทีทองเหมือนกัน เพราะความเจ็บไข้มาตักเตือนให้เราใฝ่รู้ ใฝ่เข้าใจในชีวิตมากขึ้น
รู้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้ดีกว่าตอนก่อนๆ เพิ่มความรู้ ความเข้าใจได้ดีกว่าก่อน แต่ก็ยังไม่ถึงบรรลุให้สิ้นอาสวะไปได้ก็คงต้องพยายามต่อไปเพื่อให้เป้าหมายในการบวชที่จะต้องได้ความเยือกเย็นในชีวิตให้มากที่สุดถึงแม้จะเจ็บ จะป่วย ต้องไม่เป็นทุกข์กับความเจ็บป่วย ต้องเอามันมาเป็นบทเรียนให้ฉลาดจะได้อยู่กับความเจ็บไข้แบบไม่เป็นทุกข์ต่อไป
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login