- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 20 hours ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 2 days ago
- อย่าไปอินPosted 5 days ago
- ปีดับคนดังPosted 6 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 week ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 1 week ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
สวรรค์มีไว้ตอบแทนผู้ที่เหมาะสม
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 18 พ.ย. 65)
นอกจากปัจจัยสี่ที่สำคัญสำหรับชีวิตบนโลกใบนี้แล้ว มนุษย์ยังต้องการหลักประกันในการทำความดีเพื่อชีวิตในโลกหน้าด้วย หากมนุษย์ไม่แน่ใจว่าการทำความดีมีรางวัลตอบแทน มนุษย์ก็ไม่ทำความดีที่มีผลต่อการอยู่รอดและการมีชีวิตที่ดีในอนาคตของคนรุ่นหลัง
การเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องชาติเป็นการเสียสละอย่างสูง ด้วยเหตุนี้ ทุกชาติจึงมีหน่วยงานดูแลสวัสดิการของทหารผ่านศึกเพื่อรับประกันว่าทหารกล้าที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในการปกป้องมาตุภูมิจะได้รับรางวัลตอบแทนและครอบครัวของทหารกล้าจะได้รับการดูแล นี่คือหลักประกันการทำดีที่ทำให้ทหารหมดห่วงและยอมรบแบบพลีชีพ
แต่การตอบแทนบนโลกนี้เป็นการตอบแทนทางด้านร่างกายและมีระยะเวลาสั้น และชีวิตไม่ได้มีแค่ร่างกายอย่างเดียว ชีวิตยังมีวิญญาณที่เป็นผู้บงการการกระทำของมนุษย์ แต่การตอบแทนวิญญาณที่ทำความดีไม่อาจทำได้ในโลกนี้ ดังนั้น การตอบแทนความดีจึงต้องมีขึ้นในโลกหลังความตายในรูปของสวรรค์ แต่การทำดีนั้นต้องยิ่งใหญ่ในสายตาของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของสวรรค์
แน่นอน คนที่พระเจ้าเลือกสรรขึ้นมาเพื่อปฏิบัติภารกิจของพระองค์ด้วยความเสียสละย่อมต้องได้รับสวรรค์เป็นรางวัลตอบแทนก่อนใคร ถัดจากนั้นก็เป็นบุคคลที่ได้รับการบอกข่าวดี เช่น บรรดาผู้ป้องกันตนให้พ้นจากความชั่ว และสวรรค์มิได้มีไว้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงบางคนก็ได้รับข่าวดีว่าจะได้เข้าสวรรค์ด้วยเช่นกัน
นบีมุฮัมมัดกล่าวว่ามีผู้หญิงบางคนจะได้เข้าสวรรค์ หนึ่งในนั้นคือนางอาซียะฮฺภรรยาของฟาโรห์ นางอาซียะฮฺเป็นหญิงผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวในขณะที่ฟาโรห์บูชารูปเคารพและเรียกร้องให้ชาวอียิปต์กราบไหว้เขา ในปีที่ฟาโรห์สั่งฆ่าทารกชาวอิสราเอลตามคำแนะนำของโหรที่ทำนายฝันของเขา นางอาซียะฮฺคนนี้เองที่เก็บทารกน้อยโมเสสในกล่องที่ถูกลอยน้ำมาและขอให้ฟาโรห์เลี้ยงดูจนโตในวังของฟาโรห์เอง
วันหนึ่ง ฟาโรห์เข้าไปกอดโมเสสในตอนเป็นเด็ก แต่ฟาโรห์ถูกเด็กน้อยโมเสสตบหน้าและเอาไม้ตีหัว ฟาโรห์จึงเกิดความระแวงว่าวันหนึ่งเขาอาจได้รับอันตรายหากเด็กน้อยที่เป็นลูกของชาวอิสราเอลโตขึ้น ดังนั้น เขาจึงสั่งให้เอาทารกโมเสสไปฆ่า แต่นางอาซียะฮฺได้ห้ามไว้ นางจึงเป็นผู้ช่วยชีวิตเด็กที่จะเติบโตมาเป็นศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าถึงสองครั้ง
เมื่อนางอาซียะฮฺเปิดเผยความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวของนาง ฟาโรห์ได้ทรมานนางเพื่อให้นางหันมาศรัทธาในเทพเจ้าที่เขาเคารพ แต่นางอาซียะฮฺไม่ยอมคลายความศรัทธาแม้จะถูกทรมานอย่างหนัก เมื่อฟาโรห์สั่งคนของเขาให้ใช้หินก้อนใหญ่ทุ่มใส่นางให้ตาย ทูตสวรรค์ได้มารับเอาวิญญาณของนางไปก่อนที่หินก้อนใหญ่จะถึงตัวนาง วีรกรรมของนางในการรักษาชีวิตของโมเสสและรักษาความศรัทธาในพระเจ้าไว้จึงสมควรที่นางจะได้สวรรค์เป็นรางวัลตอบแทน
ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่นบีมุฮัมมัดกล่าวไว้ว่าจะได้เข้าสวรรค์คือนางมารีย์หรือมัรฺยัมหญิงพรมจารีที่พระเจ้ากำหนดมาให้เป็นผู้กำเนิดเยซัสไครสต์โดยที่นางไม่เคยมีชายใดแตะต้อง
การกำเนิดเยซัสไครสต์หรือนบีอีซาจากนางมารีย์โดยไม่มีพ่อเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าผู้อยู่เหนือกฎเกณฑ์ธรรมชาติ พระองค์ต้องการให้พวกลูกหลานอิสราเอลที่ดื้อรั้นฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์มาโดยตลอดได้เห็นอำนาจอันมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติของพระองค์
ถึงแม้จะรู้ถึงความบริสุทธิ์ของนางมารีย์เป็นอย่างดี แต่ถึงกระนั้น ในขณะตั้งครรภ์ พวกลูกหลานอิสราเอลก็ยังกล่าวร้ายนางด้วยคำพูดหยาบคายต่างๆนานาที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดรวดร้าวเพื่อทำภารกิจที่พระเจ้ากำหนดมาให้ลุล่วงไป นั่นคือ การให้กำเนิดเยซัสไครสต์เพื่อเป็นสัญญาณแสดงถึงอำนาจอันไม่มีขอบเขตจำกัดของพระองค์
จึงไม่เป็นเรื่องแปลกแต่ประการใดที่การรับใช้พระประสงค์ของพระเจ้าด้วยความเจ็บปวดและทรมานทำให้เธอสมควรได้รับสวรรค์เป็นรางวัลตอบแทน
You must be logged in to post a comment Login