- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 4 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 5 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 7 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
แมคลาเรน แบงคอก จัดกิจกรรมสุดพิเศษเพื่อเหล่าแฟนคลับ McLaren เปิดตัว The Artura First Track Experience in Thailand
เมื่อวันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน 2565 ระหว่างเวลา 9.00–10.00 น. ณ สนามแข่งรถ ปทุมธานี สปีดเวย์ คุณแชมป์-วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถซูเปอร์คาร์มากว่า 30 ปี โดยปัจจุบันได้สิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่าย แมคลาเรน (McLaren) ซูเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้เชิญสื่อมวลชนและเหล่าแฟนคลับ แมคลาเรน เข้าร่วมกิจกรรมสุดพิเศษ The Artura First Track Experience in Thailand “ครั้งแรก” ของการเปิดตัวและสัมผัสสมรรถนะแบบเอ็กซ์คลูซีฟ กับซูเปอร์คาร์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ใช้พลัง Plug-In Hybrid และเป็นรุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในด้วยเครื่อง V6 พร้อมร่วมกิจกรรมพิเศษ และร่วมสัมภาษณ์พิเศษตัวแทนผู้บริหาร ณ สนามแข่งรถปทุมธานี สปีดเวย์
แมคลาเรน (McLaren) ได้มีการเปลี่ยนชื่อเรียกคลาสของรถแต่ละรุ่นใหม่ จากเดิมที่จะแบ่งเป็น Sports Series, Super Series และ Ultimate Series ก็เปลี่ยนเป็น Grand Tourer Series (GT), Supercars Series และ Ultimate Series ขณะที่ McLaren Artura ซึ่งเปิดตัวในตลาดโลก เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2021 นั้น เป็นการมาแทนที่ McLaren 570S ซึ่งแต่เดิมจะอยู่ในคลาส Sports Series แต่เมื่อเปลี่ยนรุ่นใหม่ก็อัปเกรดภาพลักษณ์ขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม Supercars Series โดยมีตำแหน่งทางการตลาด สอดอยู่ตรงกลางระหว่าง McLaren GT กับ 720S นั่นเอง
โดย McLaren Artura นับเป็นรถยนต์คันแรกของค่ายแบบ Series–Production ที่ใช้ขุมพลัง PHEV แบบ High-Performance Hybrid (HPH) อีกทั้งยังเป็นคันแรกที่ใช้ platform ใหม่แบบ MCLA ที่มีน้ำหนักเบาเพียง 1,498 กิโลกรัม ส่งผลให้อัตราแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่ที่ 488 แรงม้าต่อตัน
ส่วนไฮไลท์ของ McLaren Artura นั้น นับเป็นMcLaren รุ่นที่สาม ที่ใช้ขุมพลัง Plug-in Hybrid โดยรุ่นแรกที่ออกมาก็คือ McLaren P1 ตามด้วยรุ่นที่สองคือ Speedtail ไฮเปอร์คาร์ที่ผลิตออกมาแบบจำนวนจำกัด นอกจากนั้นแล้ว ยังเป็น McLaren รุ่นแรกที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบ V6 ใช้เกียร์แบบใหม่ ตัดชุดเฟืองเกียร์ถอยหลัง ใช้มอเตอร์ในการถอยรถแทน ใช้โครงสร้างตัวถังใหม่ McLaren Carbon Fibre Lightweight Architecture (MCLA) 82 กิโลกรัม รวมทั้งช่วงล่างหลังที่มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด
Engine & Motor (เครื่องยนต์และมอเตอร์) เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M630 V6 สูบ ทำมุม 120 องศา (เป็น V6 Production เครื่องแรกของโลกที่กางขนาดนี้) อัดอากาศด้วยเทอร์โบ Mono-scroll สองตัว วางระหว่างฝาสูบ ความจุเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 2,993 ซีซี. แรงม้าสูงสุด 585 แรงม้า(PS) แรงบิดสูงสุด 585 นิวตันเมตร
มอเตอร์ไฟฟ้า แบบ Axial Flux E-Motor พลัง 95 แรงม้า แรงบิด 225 นิวตันเมตร น้ำหนักแค่ 15 กิโลกรัม และ แบตเตอรี่ Li-On ความจุไฟฟ้า 7.4kWh น้ำหนักแบตเตอรี่ 78 กิโลกรัม
พลังรวมทั้งสองระบบ 680 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตรที่ 2,250 รอบต่อนาที เรดไลน์ที่ 8,500 รอบต่อนาที ค่า CO2 129 กรัม/กิโลเมตร
จับคู่กับเกียร์คลัตช์คู่ 8 จังหวะ SSG-Seamless Shift Gearbox ไม่มีเกียร์ถอยหลัง (ใช้มอเตอร์ในการเลื่อนถอยหลัง) กำลังทั้งหมดถ่ายลงสู่ล้อคู่หลัง ใช้เฟืองท้ายแบบ E-Differential แบบใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อนในรุ่นอื่น
McLaren สร้างเครื่องยนต์ให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เครื่องยนต์ V6 จะมีความสูงน้อยกว่าเครื่องยนต์ V8 M840 ประมาณ 93 มิลลิเมตร บล็อคเครื่องยนต์สั้นลงกว่าเครื่องยนต์ V8 ประมาณ 150 มิลลิเมตร เมื่อรวมกับการตัดชุดเฟืองสำหรับเกียร์ถอยหลัง และโครงสร้างที่น้ำหนักเบา ทำให้แม้จะต้องแบกแบตเตอรี่เพิ่มสำหรับระบบไฮบริด น้ำหนักตัวรถก็ยังมากกว่า 720S ประมาณ 80 กิโลกรัม
McLaren Artura มีอัตราเร่งอยู่ที่ 0-100 km/h 3.0 วินาที ขณะที่อัตราเร่ง 0-200 km/h 8.3 วินาที (ช้ากว่า 720S 0.5 วินาที) รวมถึง Top Speed ความเร็วสูงสุด 330 km/h และความเร็วสูงสุดในโหมด EV อยู่ที่ 130 km/h
Dimension (มิติตัวรถ) ยาว x กว้าง x สูง : 4,539 x 1,913 x 1,193 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,640 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถ 1,498 กิโลกรัม (มาตรฐาน DIN และรวมเชื้อเพลิง 90% ในถังน้ำมันแล้ว)
Chassis & Suspension (ช่วงล่างและโครงสร้าง) ช่วงล่างเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ
ช่วงล่างคู่หน้าเป็นแบบเดิมเหมือนรุ่นก่อนๆคือ double wishbone คู่หลังเป็นแบบใหม่คือ Multi-link พร้อมระบบปรับความหนืดช่วงล่างอัตโนมัติ Proactive Damping Control และโครงสร้างตัวถัง เป็นแบบ McLaren Carbon Lightweight Architecture (MCLA) ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียม ซึ่งโครงสร้างส่วนห้องโดยสารนั้น มีน้ำหนักเบาเพียง 82 กิโลกรัม ระบบบังคับเลี้ยว เป็นพวงมาลัยเพาเวอร์กึ่งไฟฟ้า Electro-mechanical Power Steering ระบบเบรกเป็น Carbon Ceramic Discs จานเบรกด้านหน้ามีขนาด 390 มิลลิเมตร มาพร้อมกับคาลิเปอร์ 6 Pot Monobloc ส่วนจานเบรกด้านหลังมีขนาด 380 มิลลิเมตร มาพร้อมกับคาลิเปอร์ 4 Pot EV Range = 30 กิโลเมตร ภายใน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ระบบ Infotainment ออกแบบให้หันเข้าหาคนขับ รองรับ Apple CarPlay
บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด มุ่งหวังที่จะให้ McLaren Artura เป็นตัวผลักดัน ที่จะสามารถขยายยอดขาย McLaren ในไทยได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่สูงกว่ารถสปอร์ตจากคลาสพรีเมียมเพียงไม่มากนัก เพื่อที่จะทำให้ลูกค้ากลุ่มที่เคยอุดหนุน Performance Car ในกลุ่มสิบล้านต้นๆ หันมาสนใจ McLaren กันมากยิ่งขึ้น เพื่อตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์ McLaren ในตลาดรถหรูของเมืองไทย
You must be logged in to post a comment Login