- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
อยากเป็นมหาเศรษฐีรึ: เจ้าอย่าหวัง
คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ
ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 6 ธ.ค. 65)
มีคลิปหรือข้อเขียนหรือตำนานเกี่ยวกับตัวอย่างอภิมหาเศรษฐีไทยและเทศออกมามากมาย ฟังดูแล้วก็ค่อนข้างจะอึ้ง ทึ่งเป็นอย่างมาก เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องราวที่นิยมเสพในสังคมอยู่พอสมควร ด้วยหวังใจว่าวันหนึ่งจะได้พัฒนาตนเองได้มีโอกาสเป็นเศรษฐีแบบนี้กับเขาบ้าง ผมขอฟันธงเลยว่า “อย่าหวัง” อย่าได้ฝันหวานไปเป็นอันขาด เป็นไปไม่ได้หรอก
อภิมหาเศรษฐีเหล่านั้น ที่มักมักเป็นที่กล่าวขานกัน ก็ได้แก่ นายลีกาชิงแห่งฮ่องกง วอร์เรน บัฟเฟตต์ แห่งสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่เศรษฐีใหม่ๆ เช่น นายมาร์ก เอลเลียต ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟสบุ๊ค ซึ่งเกิดเมื่อปี 2527 หรือมีอายุเพียง 38 ปีเท่านั้น ส่วนในประเทศไทยก็มีอภิมหาเศรษฐในตำนาน เช่น เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นต้น
มีคน Quote เอาคำพูดดีๆ ของบรรดาอภิมหาเศรษฐี หรือเศรษฐีบางท่านก็อุตส่าห์มีหนังสือประวัติเป็นเล่มๆ พร้อมข้อคิดดีๆ มากมายให้ผู้คนได้ศึกษาและชื่นชมกัน ซึ่งสังคมก็ได้ศึกษาเรียนรู้สิ่งดีๆ จากบรรดาเศรษฐีเหล่านั้นกันพอสมควร แต่แทบร้อยทั้งร้อย มีคนรับจ้างเขียนให้ เพื่อเป็นการสร้างภาพให้กับเศรษฐีเหล่านั้น ให้ดูดี คนอ่านก็ได้แต่เคลิบเคลิ้มไปในระดับหนึ่ง
จะสังเกตได้ว่าบรรดาอภิมหาเศรษฐีเหล่านี้มักกล่าวถึงความขยันขันแข็ง ความจริงใจ การสร้างความแตกต่างไปจากบุคคลทั่วไปเพื่อให้มีจุดขาย ฯลฯ แต่นั่นก็คือสิ่งที่คนที่จะเป็นเศรษฐีระดับร้อยล้านสามารถทำได้ แต่ที่ร่ำรวยเป็นหมื่นๆ ล้านนั้น ก้าวไปสู่จุดนั้นได้อย่างไร มักจะไม่ได้กล่าวถึง หรืออาจเป็นแค่ภาพเบลอๆ เสมือนประวัติศาสตร์ที่ “ขาดวิ่น” ไปบางส่วน อาจกล่าวได้ว่าอภิมหาเศรษฐีเหล่านั้นไม่ได้เป็นตัวอย่างของความรวยที่เราๆ ท่านๆ จะสามารถทำได้ไปถึงจุดนั้น เราไม่สามารถทำตามได้ ไม่สามารถเลียนแบบได้
แน่นอนว่าในสังคมหนึ่งๆ จะให้ทุกคนรวยไปหมดก็คงเป็นไปไม่ได้ คนที่สร้างความแตกต่างไปจากคนอื่น อาจทำให้ตนเองรวยขึ้นมาได้ระดับหนึ่งเหนือคนที่มีอาชีพเดียวกัน เช่น คนขายกาแฟ คนขายข้าวแกง ช่างตัดผม ฯลฯ เรียกว่าอาจจะรวยได้เป็นหนึ่งในร้อยหรือหนึ่งในพัน แต่คนที่จะรวยได้ในระดับหนึ่งในล้าน หนึ่งในหลายสิบล้าน หนึ่งในหลายร้อยล้านหรือหนึ่งในพันล้านนั้น มันต้องมีอะไรที่พิเศษไปกว่าความขยัน ซื่อสัตย์เช่นที่บรรดาอภิมหาเศรษฐีหรือเจ้าสัวได้พร่ำบอกไว้
คนที่ร่ำรวยสุดๆ นั้น ส่วนมากมักโกงมา เช่น อาเหลียงในหนังเรื่อง “ลอดลายมังกร” รวยขึ้นได้เพราะความขยันและปัญญา แต่ที่รวยสุดๆ จนเหยียบหัวเหยียบไหล่เศรษฐีอื่น ชิงความได้เปรียบจนตั้งธนาคารได้ก็เพราะอาศัยเส้นสายจาก “จอมพล” พอการเมืองเปลี่ยนไปอีก “จอมพล” หนึ่ง เจ้าสัวก็ต้องลี้ภัยการเมืองไประยะหนึ่ง ต่อเมื่อ “เกี่ยเซียะ” กันได้ ก็จึงได้กลับมายิ่งใหญ่ เราจึงอาจกล่าวได้ว่า คนที่รวย มักจะใช้เส้นสายหรือโกงเขามา ถ้าตัวเองไม่โกง ก็คงโกงมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ รุ่นพ่อแล้ว เป็นต้น
เราจะเห็นได้ว่าอภิมหาเศรษฐีนั้นมักจะได้สัมปทานที่ต้องจ่ายใต้โต๊ะเหนือกว่าคนอื่น จนสามารถ “กินรวบ” ขึ้นมายิ่งใหญ่ได้ สังเกตดู ไม่ว่าจะเป็นกิจการพลังงาน กิจการขนส่งมวลชน ฯลฯ ยิ่งกว่านั้นพวกนี้ยังต้องการ “ปลอกคอ” เพื่อให้ตนสามารถทำธุรกิจได้อย่างราบรื่น กอบโกยเหนือคนอื่นจนรวยสุดๆ กลายเป็น “เจ้าสัว” ระดับประเทศ แต่พวกนี้ไปทำธุรกิจนอกประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วได้ยาก เพราะในประเทศเหล่านั้น การติดสินบนอาจทำได้ยากกว่า พวกนี้จึงมักหากินอยู่ภายในประเทศเป็นสำคัญ
อภิมหาเศรษฐีนั้นมักจะตั้งมูลนิธิขึ้นมาเพื่อให้ตนดูดี ทำดีเพื่อสังคม แต่ก็อาจเป็นความจำเป็นทางด้านภาษี เพราะในเมืองนอกเขาเก็บภาษีกันหนักมาก จึงบริจาคเงินตั้งมูลนิธิไปเลย จะได้ “ทั้งเงินทั้งกล่อง” ดีกว่าจะไปเสียภาษีให้เปล่าๆ ปลี้ๆ ไป สำหรับในบางประเทศ (ไหนหนอ) การมีมูลนิธิก็อาจจะได้ “ฟอกเงิน” หรือบริจาคเงินให้กับกลุ่มการเมืองที่มาขอเงินในนามการกุศลนี่นั่น แถมได้ภาพลักษณ์อันสวยงาม
อภิมหาเศรษฐีที่ยิ่งใหญ่จริงๆ มักไม่มีสัญชาติ โดยเฉพาะอภิมหาเศรษฐีจากประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย พวกนี้มักจะทำธุรกิจหลากหลายประเทศ แรกๆ อาจเติบโตในประเทศที่ตนตั้งหลักแหล่งก่อน เช่น ฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ แต่ก็จะขยายธุรกิจออกไปในต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง และหากเกิดวิกฤติอะไรขึ้นมา ประเทศชาติที่ตนอาศัยล่มจม จะได้หนีทันไปอยู่ประเทศอื่น ส่วนที่หนีไม่ได้ ก็คือประชาชนคนเล็กคนน้อยที่จะต้องอยู่ “สร้างชาติ” กันใหม่
เราจะรวยได้ถ้าขยันขันแข็ง ซื่อสัตย์ ฯลฯ แต่จะรวยแบบอภิมหาเศรษฐีคงไม่ได้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีไม่ได้หรอก อย่าได้ฝันหวานกันไป ในสังคมไทยของเรานั้นมีระบอบเหล่านายทุน (ผู้ยิ่งใหญ่) ขุนศึก (รวมทั้งเป็นรัฐข้าราชการ) และศักดินากดทับอยู่ อย่าว่าแต่จะร่ำรวยเลย เอาให้พอมีพอกินก็ยากนักหนาแล้วโดยเฉพาะในยุคนี้ แต่ในขณะที่พวกผู้มีอิทธิพล ยาบ้า หวยใต้ดินที่ร่ำรวยสุดๆ แทบไม่ได้รับการแตะต้อง พวกนี้สูบเลือดสูบเนื้อ มอมเมาประชาชน แล้วประชาชนจะร่ำรวยขึ้นมาได้อย่างไร ยกเว้นพวกตัวเก่งจริงๆ หรือมีเส้นสายกอบโกยเอา
อย่าได้หวังร่ำรวยเลย ถ้าเราเลิกระบอบการกดขี่ขูดรีดประชาชนได้ ประชาชนก็จะสามารถลืมตาอ้าปากได้ หลายคนคงรวยได้อย่างไม่ต้องเล่นเส้นเล่นลาย
You must be logged in to post a comment Login