วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

เสน่ห์ท่องเที่ยวไทยที่ใคร ๆ ก็จัดอันดับให้

On December 12, 2022

ประเทศไทยยังคงครองใจนักเดินทางและเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลกได้อย่างน่าภาคภูมิใจ จากการจัดอันดับของ VISA ไทยเป็นลำดับ 4 ของประเทศที่น่ามาเยือนมากที่สุดในโลก และเมืองที่คนสนใจหาข้อมูลผ่านออนไลน์มากที่สุดคือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ และหัวหิน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของเว็บไซต์ท่องเที่ยวอย่าง Travel and Leisure ที่นักเดินทางทั่วโลกลงความเห็นว่า กรุงเทพฯ เป็น Best Cities in Southeast Asia และ “เกาะภูเก็ต” เป็นอันดับหนึ่งของเกาะที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเช่นกัน

“อันดับ” จะไม่มีความหมายอะไรเลยหากเรามองไม่เห็นเสน่ห์ของตัวเอง “ยิ้มสยาม” ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของเมืองไทยอยู่เสมอ การดูแลที่อบอุ่นและความจริงใจที่สัมผัสได้ในทุกโมเมนต์ ความเป็นมิตรของผู้คน อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส การได้ไปใช้ชีวิตนอกกรอบกับไลฟ์สไตล์การกินอยู่แบบไทย นั่งรถตุ๊ก ๆ เที่ยวชมเมืองหรือขี่จักรยานยนต์ชมธรรมชาติที่สวยงามรอบเกาะต่างๆ ได้ลิ้มลอง Street Food รสชาติหลากหลายที่มีอยู่บนถนนทุกเส้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างความประทับใจให้นักเดินทางจากทั่วโลกตลอดมา

ยังมีการท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งที่ประเทศไทยกำลังได้รับความสนใจคือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยเว็บไซต์ Travel Daily News ได้ระบุว่า ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ของโลกด้านสถานบริการเพื่อสุขภาพ (Wellness Retreats) และเป็นอันดับ 2 ของประเทศที่มีกิจกรรมเชิงสุขภาพที่ได้รับความนิยม (Highest-rated wellness activities) ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลจาก TripAdvisor และ Slingo เว็บไซต์ยอดนิยมในหมู่นักเดินทางทั่วโลก และจากรายงานของ Global Wellness Institute (GWI) ในปี 2563 ระบุไว้ว่า ประเทศไทยเป็นอันดับ 9 ในเอเชียแปซิฟิก และเป็นอันดับ 24 ของโลกในเศรษฐกิจเพื่อสุขภาพ และนักเดินทางเชิงสุขภาพจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวสูงกว่านักเดินทางทั่วไปประมาณ 53% หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยจึงพยายามผลักดันตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกันมากขึ้น

ต่อจากนี้ไป การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จะเป็นกระแสใหม่ของโลก ประเทศไทยมีต้นทุนที่ดีที่สามารถยกระดับตัวเองให้เป็น International Medical Hub หรือศูนย์กลางทางการแพทย์ในระดับนานาชาติได้ไม่ยากนัก ด้วยความชำนาญของแพทย์และบุคลากรด้านการแพทย์ของไทยนเป็นที่ยอมรับในหลายแขนง มีการบริการที่ครอบคลุมและครบวงจร มีสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองระดับสากล (JCI) และเรามีความน่าสนใจในด้านราคาที่สมเหตุสมผลหรือต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ ในระดับมาตรฐานและคุณภาพเดียวกัน และเมื่อการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขของอาเซียนที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ประเทศไทยยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นที่ตั้งของศูนย์ ACPHEED หรือ สำนักงานเลขาธิการศูนย์อาเซียน ด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข และโรคอุบัติใหม่ จากมติเอกฉันท์ของประเทศสมาชิกอาเซียน นั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของนานาชาติที่มีต่อการแพทย์และสาธารณสุขของไทย และการจัดอันดับด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยในอันดับต้น ๆ จากนักเดินทางทั่วโลก คือสิ่งยืนยันให้กับเราว่าไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก

หากภูเก็ตได้รับสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand เพื่อยกระดับภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ระดับโลกนั้น การผลักดันจากภาครัฐและเอกชน ในจังหวัดภูเก็ต ทีเส็บ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ก็จะไม่สูญเปล่า พร้อมกับการสร้างโอกาสให้กับท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันที่มีแหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พร้อมกับการรองรับนักเดินทางด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกับ Andaman Wellness Route ที่แวดล้อมไปด้วยแหล่งธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เอื้อต่อกิจกรรมเชิงสุขภาพและสปาที่ได้มาตรฐานระดับสากล เช่น จ.ระนอง กับการแช่บ่อน้ำแร่จากน้ำพุร้อน จ.พังงา ที่พัฒนาโรงแรมและที่พักเพื่อส่งเสริมด้านสุขภาพ ควบคู่กับกิจกรรมกีฬา อย่างเซิร์ฟบอร์ด โยคะ จ.กระบี่ ที่นักเดินทางจะเพลิดเพลินกับแหล่งสปาวารีบำบัดน้ำพุร้อนในโครงการ “คลองท่อมสปา” จ.ตรัง ที่สนับสนุนพื้นที่ด้านกีฬา และ จ.สตูล ในการเตรียมพัฒนาน้ำตกร้อนเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแห่งใหม่ กิจกรรมเหล่านี้ที่จะช่วยผลักดันภาพการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกของประเทศไทย ภูเก็ต และภาคใต้ฝั่งอันดามันได้ชัดเจนขึ้น


นอกจากนี้ ทีเส็บ หน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการยื่นประมูลสิทธิ์การจัดงานในครั้งนี้ ยังได้ขานรับนโยบายรัฐบาลรองรับการเปิดประเทศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยกลยุทธ์ “Thailand MICE B-A-C-K” เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมไมซ์และสร้างความมั่นใจให้กับนักเดินทางไมซ์จากทั่วโลก น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่จะทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับโลกเกิดขึ้นในไม่ช้าเช่นกัน กลยุทธ์ดังกล่าวประกอบด้วย

กลยุทธ์ B : Build Confidences & Trust การสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับอุตสาหกรรมไมซ์

กลยุทธ์ A : Accelerate Dream MICE Activity หรือการกระตุ้นการจัดงานไมซ์ในประเทศ

กลยุทธ์ C : Communication and Inspire the World หรือการส่งเสริมภาพลักษณ์และการสื่อสารอุตสาหกรรมไมซ์ ทั้งภายในและต่างประเทศ

และ กลยุทธ์ K : Kick off World Events Bidding คือการดึงงานระดับโลกให้มาจัดในประเทศไทย อย่างงาน Specialised Expo 2027/2028 นี้ และเพิ่มจำนวนงานไมซ์จากต่างประเทศ

หากภูเก็ตได้สิทธิ์ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand จะเป็นโอกาสให้เราได้แสดงศักยภาพในหลาย ๆ ด้าน และงานนี้ก็จะนำประโยชน์กลับมาให้ประเทศได้อย่างยั่งยืนในหลายมิติเช่นกัน มาร่วมกันให้กำลังใจทีเส็บ และทีมทำงานที่กำลังเดินหน้าอย่างสุดกำลัง เพื่อจะได้คว้างานนี้มาจัดในประเทศไทยได้สำเร็จ


You must be logged in to post a comment Login