- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ตัวเราเป็นของใคร?
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 16 ธ.ค. 65)
คำสอนของศาสนาสอนมนุษย์มิให้ยึดติดอยู่กับสิ่งถูกสร้างบนโลกใบนี้ รวมถึงตัวของเราเองด้วย เราจึงได้ยินคำพูดที่ว่า “ตัวเรามิใช่ของเรา”
หลายคนเรียนรู้สารพัด แต่ไม่ได้เรียนรู้พระธรรมคำสอนของศาสนา จึงคิดว่า “ตัวกูเป็นของกู”
คิดผิดตั้งแต่แรกอย่างนี้แล้ว การทำผิดตามความคิดก็จะตามมา เพราะถ้าคิดว่า “ตัวกูเป็นของกู กูจะใช้ชีวิตอย่างไรก็ได้ เรื่องของกู” สิ่งที่ตามมาก็คือ “กูจะทำร้ายทำลายชีวิตอย่างไรก็ได้ เรื่องของกู”
ถ้ามนุษย์หนึ่งในสี่ของโลกคิดอย่างนี้ โลกเราก็จะไม่ต่างไปจากป่าดงดิบที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายเดินสองขาที่เรียกว่า “มนุษย์” เพราะถ้าหากมนุษย์ทำร้ายตัวเองได้เพราะคิดว่าชีวิตเป็นของตัวเอง ทำไมมนุษย์จะทำร้ายหรือทำลายคนอื่นไม่ได้?
ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์ยังสามารถทำอะไรได้อีกหลายอย่างที่แม้แต่สัตว์ไม่ทำ
เราไม่เคยเห็นสัตว์ฆ่าตัวตาย แต่มนุษย์ทำ เราไม่เคยเห็นสัตว์ตัวผู้สมสู่กัน แต่มนุษย์ทำ
ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าถ้า “ตัวเรามิใช่ของเรา” แล้ว ตัวเราทั้งร่างกายและวิญญาณเป็นของใคร?
อิสลามให้คำตอบเรื่องนี้ไว้ในคัมภีร์กุรอานว่า “เราเป็นของพระเจ้า และยังพระองค์ที่เราจะกลับไป”
นี่เป็นความหมายของถ้อยคำภาษาอาหรับที่คนมุสลิมถูกสั่งสอนให้กล่าวเมื่อประสบเคราะห์กรรม ความสูญเสียหรือความทุกข์ยากลำบากหรือได้ยินข่าวการตาย
คำกล่าวนี้เตือนมนุษย์ผู้ศรัทธาให้รู้ว่าเราเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า ดังนั้น พระองค์จะทำอะไรกับเราอย่างไรก็ได้ เหมือนกับที่เราเป็นเจ้าของอะไรบางอย่างและเรามีสิทธิ์จะทำอะไรกับสิ่งนั้นก็ได้ไม่ว่าจะเอาไปเผาไฟหรือโยนทิ้ง ให้คนอื่นหรือขายต่อ
การยอมรับความประสงค์ของพระเจ้าและความจริงของชีวิตจึงทำให้ใจสงบและไม่ทำให้ทุกข์บานปลายขยายไปถึงคนอื่น
กฎแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นกฎที่พระเจ้าสร้างไว้เพื่อเตือนมนุษย์ว่ามนุษย์ไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตของตัวเองทั้งร่างกายและวิญญาณ
ถ้ามนุษย์เป็นเจ้าของชีวิต คงไม่มีมนุษย์คนใดอยากแก่ อยากเจ็บป่วยและตาย แต่มนุษย์ไม่สามารถหลีกหนีกฎดังกล่าวได้พ้น
คนไม่รู้ความจริงของชีวิตเวลาเจ็บป่วยจึงเกิดความท้อแท้สิ้นหวัง หมดกำลังใจซึ่งทำให้อาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว หรือคิดมากจนเกิดโรคประสาทเพิ่มและสร้างความรำคาญให้แก่ลูกหลานหรือคนใกล้ชิดที่คอยดูแล สุดท้าย บางรายทนทุกข์ไม่ไหวก็ฆ่าตัวตาย
คำสอนของอิสลามสอนให้มุสลิมปรับทัศนคติของตัวเองยามประสบทุกข์ว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องยอมรับหรือยอมจำนน เพราะพระเจ้ามีวัตถุประสงค์เสมอในสิ่งที่พระองค์ทรงให้บังเกิดขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อเตือนมนุษย์ว่า
- ตัวเรามิใช่ของเรา และเราอ่อนแอจนพ่ายแพ้ต่อโรคภัยไข้เจ็บ แม้แต่เชื้อโรคตัวเล็กๆ
- พระเจ้าเป็นผู้ให้เกิดโรคต่างๆขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์คิดค้นยารักษา นบีมุฮัมมัดกล่าวว่า “ไม่มีโรคใดที่พระเจ้าให้เกิดขึ้นแล้วไม่มียารักษานอกจากความตาย”
- การเจ็บไข้ได้ป่วยของใครบางคนจนต้องนอนพักบนเตียงอาจทำให้คนผู้นั้นได้ออกห่างจากความชั่วบางอย่างและมีโอกาสได้คิดทบทวนถึงการกระทำของตัวเองที่ผ่านมาหลังจากไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ นี่คือความเมตตาของพระเจ้า
- มนุษย์ถูกสร้างมาในสภาพอ่อนแอ จึงไม่มีมนุษย์คนใดแม้แต่ผู้ศรัทธาในพระเจ้าไม่เคยทำความผิดบาปที่จะต้องถูกลงโทษ ในอิสลามจึงมีคำสอนว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงเมตตาและผู้ทรงให้อภัย การเจ็บป่วยบางครั้งจึงเป็นการลบล้างบาปเล็กๆน้อยๆที่ผู้ศรัทธาได้ทำไว้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปถูกลงโทษในโลกหน้าที่หนักหนาสาหัสและยาวนานกว่า
- ความอดทนต่อการเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเคราะห์กรรมคือการยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้า ถือเป็นการปฏิบัติคุณธรรมแห่งความอดทนซึ่งเป็นคุณธรรมขั้นสูง และคัมภีร์กุรอานกล่าวว่า “พระเจ้าจะอยู่กับผู้อดทน”
You must be logged in to post a comment Login