- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
“ดวง” คืออะไรและใครกำหนด
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 23 ธ.ค. 65)
ถ้าเปรียบกาลเวลาเป็นเส้นด้าย อดีตและอนาคตก็เหมือนปลายสองข้างของเส้นด้ายที่มนุษย์ไม่รู้ว่ามันเริ่มจากตรงไหนและมันจะสิ้นสุดตรงไหน ช่วงเวลาปัจจุบันของมนุษย์จึงเป็นเหมือนปมเล็กๆบนเส้นด้ายของกาลเวลา
มนุษย์อาจรู้และจดจำอดีตที่ผ่านมาของตัวเองและของบางคนที่เกี่ยวข้องด้วย แต่ก็เพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนเรื่องอนาคตเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ แต่อนาคตเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ มนุษย์จึงอยากรู้ และด้วยความอยากรู้นี้เองที่ทำให้มนุษย์ตกเป็นเหยื่อของผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้รู้อนาคต
ศัพท์บางคำเช่น ดูดวง ผูกดวง แก้เคล็ด ดูชะตา ดูฤกษ์ยามและอื่นๆสารพัดในทำนองนี้จึงเกิดขึ้นมาในอดีตและยังคงอยู่แม้ในยุคดิจิทัล
ในอดีต การดูดวง ดูโชคชะตาด้วยความอยากรู้ในอนาคตต้องอาศัยพวกพ่อมดหมอผีหรือโหรที่มีวิธีการหรือศาสตร์ของตัวเอง เช่น การเสี่ยงทาย การดูลายมือ การดูไพ่ เป็นต้น เมื่อโลกเจริญขึ้น วิธีการใหม่ๆได้ถูกนำมาใช้ให้ดูทันสมัยขึ้น เช่น การหมุนวงล้อ การสแกนลายมือ เป็นต้น
คนที่ไปดูดวง ดูชะตาจึงมักเป็นคนอ่อนแอที่หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่มีใครรู้ อ่อนแอจนถึงขนาดไม่กล้าถามถึงดวงหรือชะตาของผู้อ้างตัวว่าเป็นผู้รู้อนาคต
“ดวง” เป็นคำที่ถูกนำมาใช้ในความหมายของโชคในบางครั้ง เช่น ใครที่รอดจากอุบัติเหตุเฉียดตายมักจะถูกบอกว่า “ดวงดี” หรือ “โชคดี” โดยไม่สามารถอธิบายได้ว่า “ดวงและโชค” คืออะไรและใครทำให้เกิดดวง
ความเชื่อในเรื่องดวงหรือโชคชะตาไม่มีในคำสอนของศาสนา คำสอนของอิสลามถือว่าไม่มีใครมีความรู้เรื่องอดีตและอนาคตได้อย่างสมบูรณ์แท้จริงนอกไปจากพระเจ้า
มุสลิมนอกจากจะเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างและทรงควบคุมทุกสิ่งแล้ว ยังต้องเชื่อว่าทั้งสิ่งดีและสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นล้วนมาจากพระเจ้าเพื่อทดสอบความศรัทธาที่มีต่อพระองค์ ดังนั้น ทุกคนต้องยอมรับ ไม่ต่างไปจากสุขกับทุกข์เป็นของคู่กัน พระเจ้าจะให้เกิดขึ้นกับใครเมื่อใดในอนาคตเป็นเรื่องของพระองค์ ไม่มีมนุษย์คนใดรู้ได้
เมื่อยอมรับและเชื่อว่าเรื่องดีและไม่ดีมาจากพระเจ้า คนมุสลิมจึงไม่ไปหาหมอดูหรือไปดูดวง เพราะการเชื่อว่าใครมีคุณสมบัติรอบรู้ถึงอนาคตเหมือนกับพระเจ้า นั่นก็หมายความว่าคนผู้นั้นกำลังตั้งมนุษย์คนหนึ่งให้มีคุณสมบัติเป็นผู้รอบรู้เหมือนพระเจ้า การทำเช่นนื้ถือเป็นบาปใหญ่
ในสมัยนบีมุฮัมมัด ชาวยิวกลุ่มหนึ่งที่มีวิชาไสยศาสตร์อ้างว่าตัวเองรู้อนาคต คนเหล่านี้ทำตัวเป็นหมอดูหากินกับคนไม่มีความรู้ ไม่เพียงเท่านั้น คนเหล่านี้ยังอ้างว่าไสยศาสตร์มาจากนบีสุลัยมานซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าให้อำนาจพิเศษสามารถควบคุมสิ่งมีชีวิตเร้นลับที่เรียกว่า “ญิน” ได้
ด้วยเหตุนี้ คัมภีร์กุรอานจึงถูกประทานลงมาเพื่อชี้แจงว่าไสยศาสตร์มิได้มาจากนบีสุลัยมาน แต่พระเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์สององค์ชื่อมารูตและฮารูตลงมาสอนผู้คน สอนเสร็จแล้ว ทูตสวรรค์ก็บอกว่าวิชาไสยศาสตร์เป็นสิ่งต้องห้ามและเป็นสิ่งที่จะใช้ทดสอบมนุษย์ว่าจะเชื่อฟังพระองค์หรือไม่ นบีสุลัยมานมิได้เป็นผู้สอนไสยศาสตร์แต่ประการใด
คัมภีร์กุรอานนำเสนอเรื่องราวของนบีสุลัยมานว่าเป็นผู้ได้รับพรจากพระเจ้า มีความสามารถควบคุมญินที่มนุษย์มองไม่เห็นและมันมีความสามารถเหนือมนุษย์ ญินรู้เรื่องความเป็นไปของมนุษย์ แต่เป็นเรื่องในอดีต คนที่มีวิชาติดต่อกับญินจึงรู้ความเป็นไปของใครบางคนจากญิน แต่เป็นเรื่องอดีตที่เอามาหลอกคนที่อยากรู้อนาคตได้
คัมภีร์กุรอานเล่าว่านบีสุลัยมานได้ใช้ญินสร้างวิหารในเมืองเยรูซาเล็มโดยท่านได้สร้างห้องกระจกเป็นสำนักงานควบคุมญินในการก่อสร้าง ระหว่างนั้น นบีสุลัยมานได้เสียชีวิตในขณะยืนถือไม้เท้าค้ำร่างอยู่โดยที่พวกญินไม่รู้ว่าท่านเสียชีวิต จนกระทั่งปลวกกินไม้เท้าของนบีสุลัยมานจนผุ ร่างของนบีสุลัยมานจึงล้มลง ตรงนั้นเองที่พวกญินเพิ่งรู้ว่านบีสุลัยมานเสียชีวิตแล้ว
เรื่องราวตรงนี้ต้องการจะบอกมนุษย์ไห้รู้ว่าแม้แต่ญินที่มีความสามารถ มีความแข็งแกร่งและเคลื่อนที่ได้เร็วกว่ามนุษย์ ยังไม่รู้เลยว่านบีสุลัยมานเสียชีวิตต่อหน้าพวกมัน เมื่อปัจจุบัน พวกญินยังไม่รู้ แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ที่จะไปรู้อนาคต
You must be logged in to post a comment Login