วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วังวนเหมือนเดิม

On December 28, 2022

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 28 ธ.ค.  65)

เมื่อไม่นานมานี้ได้ดูรายการทีวีรายการหนึ่ง คือ มีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งทิ้งอุดมการณ์ ทิ้งนโยบายแบบชนิดที่ไม่มีคำว่า ใช้เงิน เมื่อพิธิกรถามว่า ท่อน้ำเลี้ยงไม่ไหล แต่ว่า เงินหมดใช่มั้ย ไม่แจก ไม่เลี้ยงลูกน้อง ไม่มีทั้งกล้วย ไม่มีกระสุน แล้วจะสู้เขาได้อย่างไร เขาบอกว่า อยากจะลองดูว่า อะไรก็ขับเคลื่อนด้วยเงิน ซื้อด้วยเงิน ไปด้วยเงิน เขาจะไม่ยอมใช้เงิน โปรยเงินหวาน อันนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน อาจจะมีท่านชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีที่ปัจจุบันเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร์ ที่บอกว่า กาแฟแก้วเดียวก็จะไม่เลี้ยง

เพราะฉะนั้น คนที่มีอุดมการณ์ซื้อไม่ได้ ไม่มีขายบัตร ขายตัว เงินไม่มากาไม่เป็นอะไรพรรณ์นี้ พรรคนี้เขายอม เขาจะไม่ทำให้การเมืองมันเปรอะเลอะไปด้วยเงิน ดูดเข้าพรรคเยอะๆก็ด้วยเงินอะไรทำนองนี้เหมือนกับกระทบอีกฝ่ายหนึ่งอย่างแรง แต่พรรคนี้ก็มีนโยบายว่า จะไม่มีคำว่า ชอบยุแยงให้คนแตกกัน พรรคนี้เป็นพรรคที่ไม่มีเรื่องเสียความสามัคคี ไม่ทำให้บ้านเมืองอยู่ฝักนั้น ฝ่ายนี้ ไม่มีเหลือง มีแดง มีนกหวีด

นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะแปลก คงจะเป็นพรรคแรกของประเทศไทย และคงจะได้ซักกี่เสียง กี่คะแนน จนกระทั่งมีข่าวลือว่า จะรวมกับใคร ไม่รวมกับใคร ถ้าไม่รวมกัน มันจะไม่เป็นไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ถ้ารวมกันแล้วเขาบอกไม้ซีกเล็กๆเนี่ยสามารถงัดไม้ซุงพวกนี้ง่าย อาจจะโค่นพรรคใหญ่ๆ เก่าๆ ได้ง่ายๆ ถ้ารวมตัวกันเข้า ข้อนี้ต้องยอมรับว่า มีส่วน ถ้าพรรคเล็ก พรรคน้อยไม่ทำตัวเป็นเบี้ยหัวแตกมาผนึกกำลังกันจะให้เหลือ 10 พรรคให้เหลือพรรคเดียว

จนกระทั่งจะชื่ออะไรก็แล้วแต่หรือชื่อพรรคว่า พรรคนี้เหลือพรรคเดียว ไม่กระจุยกระจาย แต่เอาล่ะ คงหืดขึ้นคอละที่เรียกกันว่า พรรคเล็ก พรรคน้อย ส่วนพรรคที่ไม่ใช้เงินก็ต้องติดตามดูว่า จะไม่ใช่จริงหรือไม่ เพราะการเมืองบ้านเราถูกมองว่า ไม่พ้นเรื่องเงิน และอยู่ในวังวนแย่งชิงตำแหน่งเก้าอี้กันเหมือนเดิม ตอนนี้ต้องเรียกกันว่า สมองนักการเมืองคิดที่จะแก้ปัญหาให้บ้านเมืองทำท่าจะไม่เหลือสมองไว้ในส่วนนี้ มีแต่คิดที่จะเอาชนะคู่แข่ง จะแซงคู่แข่ง จะแลนด์สไลด์ จะเอาให้ได้เท่านั้น เท่านี้มากกว่าที่จะคิดแก้ปัญหาให้บ้านเมือง

สมองนี่มันจะใช้ทีเดียวหลายอย่างคงลำบาก มันต้องโฟกัสไปที่ไหน ถ้าโฟกัสไปเพื่อจะชิงชัยเอาชนะคู่แข่งก็แน่นอนต้องใช้ยุทธศาสตร์ ซึ่งยุทธศาสตร์เหล่านั้นมันจะไม่แก้ไขชาติ มันจะแก้ไขกลุ่มพวก ก๊วนให้ได้ประโยชน์ ได้อำนาจ ได้ความเป็นใหญ่ จึงกลายเป็นเรื่องที่วังวนเหมือนเดิม อำนาจ ประโยชน์มานำหน้า ไม่เอาที่ว่า เพื่อประชาชน ทั้งๆที่เคยอ้างคำนี้บ่อย แต่ประชาชนเนี่ยก็ต้องฝากไว้ว่า อย่าหวังพึ่งรัฐบาลมากเกินไป ต้องมีอัตตาหิ อัตโนนาโถ

เพราะตอนนี้รัฐบาลก็หาที่พึ่ง ฝ่ายค้านก็หาที่พึ่ง เที่ยวดูดกันไป กันมาเพื่อจะได้หวังว่า ดูดเข้ามาเป็นที่พึ่งของการเมืองจนกระทั่งเราก็บอกคนยุคนี้ย้ายพรรคเหมือนโบราณว่า “ผู้หญิง 3 ผัว ผู้ชาย 3 โบสถ์” ตอนนี้นักการเมืองก็ไม่รู้จะเป็นหลายพรรคหรือเปล่า ถ้านักการเมืองหลายพรรค 4-5 พรรค ย้ายไป ย้ายไปเรื่อยๆเหมือนกับที่โบราณว่า บวชๆสึกๆ หรือไปเข้าคริสต์ อิสลาม หรือมาพุทธ เหมือนผู้หญิง 3 ผัว ก็วนไป วนมา เดี๋ยวเลิกคนนี้ เดี๋ยวได้คนโน้น

นักการเมืองหลายพรรคต้องต่อยอดหรือเปล่า หญิง 3 ผัว ชาย 3 โบสถ์ นักการเมือง 4 พรรค ก็เรียกว่า ตอนนี้มีลักษณะออกไปแนวๆอย่างนี้ แล้วเขาก็หวังพึ่งประชาชนเป็นฐานเสียงให้ แล้วเขาก็หวังพึ่งคะแนนของส.ส.จำนวนต้องมากขึ้น เอาจำนวนส.ส.มากเป็นตัวที่พึ่ง ไม่เอาสมองสติปัญญาที่แก้ปัญหาให้ประชาชนเป็นหลัก เป็นพึ่ง ทำไมคนไม่ลืมนักการเมืองคนนั้น คนโน้น ก็เพราะเคยสร้างผลงานเอาไว้ เลยทำให้ไม่ลืม ถึงตัวไม่อยู่ แต่ก็ยังอดคิดถึงไม่ได้ นั่นเป็นเพราะสมองคิดแต่จะสร้างผลงาน ไม่ใช้คิดแต่จะเอาชนะดึงคนนั้น ดูดคนนี้เข้ามาอย่างเดียว

เอาล่ะ เรื่องดูดทางการเมืองมันก็ทำมากันทุกยุค ยุคอันไหนก็รวมหัว รวมตัวรวบกันมาเพื่อให้ฐานแน่น ฐานใหญ่ ให้รัฐบาลมั่นคง มีเสียงยกมือผ่านเรื่องโน้น เรื่องนี้ได้ง่าย แต่แล้วมันก็วนเวียนไปมา ไม่ไปไหน จนทำให้นึกถึงหลวงพ่อพุทธทาสบอกว่า ประชาธิปไตยไปไม่ค่อยจะ พายเรือในอ่าง วนไป วนมา ท่านก็เลยว่า สังคมนิยม เผด็จการโดยธรรม บางคนก็ไม่ชอบ ว่าหลวงพ่อพุทธทาสไม่นิยมประชาธิปไตย ไปสนับสนุนเผด็จการ แต่ลืมไปว่า เผด็จการที่ท่านพูด คือ มันเผด็จการที่เขาทำกันหรือเปล่า ยึดอำนาจไปอย่างนี้

ไม่ใช่เลย ท่านเน้นว่า เผด็จการต้องโดยธรรม อย่างทหารยึดอำนาจแต่จัดการอะไรไม่ได้ ไม่ใช้ความเฉียบขาด ไม่ใช่อำนาจโดยธรรม ไปเผด็จการโดยกิเลส พอเผด็จการโดยกิเลส ยึดแล้วไม่ปล่อยจะสืบทอดอำนาจตะพืดตะพือ นี่มันเผด็จการโดยกิเลส แต่ถ้าเผด็จการโดยธรรมมุ่งแก้ปัญหาเป๊ะๆ เด็ดเดี่ยวเพื่อให้เนื้อชิ้นร้ายหมดไป ถ้าเผด็จการโดยธรรม ยาบ้า ยาเสพติด มันอยู่อย่างนี้ไม่ได้หรอก ถ้าเผด็จการโดยธรรม คดีต่างๆจะไม่ปล่อยให้หมดอายุ หมดเวลา เช่น งูเห่า เขาวิตกกังวลเลยว่า ประเดี๋ยวจะหลุด เพราะว่า ไม่มีคดีฟอกเงิน ไม่มีคดี มีแต่ยาเสพติด

เดี๋ยวต้องแก้ตัวว่า เป็นของคนนั้น คนนี้ นี่ก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันว่า ถ้าเผด็จการโดยธรรมแน่นอนเรื่อง 2-3 เดือนที่ค้างคา ไม่เดินหน้า ถ้าเผด็จการโดยธรรมใช้เวลา 1-2 อาทิตย์ ก็ผ่านไปได้ แต่ประชาธิปไตยมันจะโอ้เอ้ โลเล จนหมดเวลาอายุความหรือปล่อยให้หลุด ให้รอด จนกระทั่งมีคนเคยพูดว่า กฎหมายไทยใช้เงินบีบได้ หรือว่า ตำรวจ ข้าราชการซื้อตัวได้ เงินฟาดหัวได้ พูดกันแบบไม่เกรงใจเขาว่าอย่างนั้น มันเลยกลายเป็นเรื่องนักการเมืองกับเงินเป็นของคู่กันเหลือเกิน เหมือนปาท่องโก๋เลย เวลาพรรคนี้มีคำพูดอย่างนี้มา อาตมาก็เลยนั่งนึกงงเหมือนกันว่า ยังไง ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้ ต้องบอกว่า ติดตามดูต่อไปก็แล้วกัน

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login