วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

สสส. สานพลังภาคีขับเคลื่อนตำบลขับขี่ปลอดภัย เดินทางปีใหม่อุบัติเหตุเป็นศูนย์

On January 1, 2023

ณ ที่ทำการไฟฟ้า เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฏ์ธานี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเขื่อนรัชชประภา ถอดบทเรียน “โครงการพัฒนากลไกการจัดการความปลอดภัยทางถนนในระดับจังหวัดสู่อำเภอและตำบล” พื้นที่เขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน เทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี  ร่วมกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ทั้ง 19 อำเภอ และ กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.)

น.ส.รุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า พื้นที่เขื่อนมีขนาดใหญ่ มีชาวบ้านในชุมชน รวมถึงนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้ถนนในเขื่อนเป็นจำนวนมาก หลายคนอาจมองระยะทางใกล้ จึงละเลยเรื่องสวมหมวกนิรภัย เขื่อนรัชชประภา จึงมีมาตรการความปลอดภัยทางถนนให้เจ้าหน้าที่-บุคคลากรต้องสวมหมวกนิรภัย 100% เพื่อเป็นต้นแบบในการลดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังมีมาตรการตรวจรถเข้า-ออกให้ทำตามกฎจราจร สวมหมวกนิรภัย ไม่ขับเร็วในพื้นที่เขื่อน สร้างความปลอดภัยในพื้นที่ท่องเที่ยว

“สสส. สนับสนุนเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ จ. สุราษฯ โดยอาศัยกลไกของ ศปถ. จากส่วนกลางลงมาสู่จังหวัดลงมาสู่อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 19 อำเภอ จัดทำแผนป้องกันอุบัติเหตุ แก้ไขจุดเสี่ยง อาทิ สิ่งแวดล้อม สภาพถนน ไฟส่องสว่าง การสวมหมวกนิรภัย 100% ส่งผลให้อุบัติเหตุลดลง นอกจากนี้ยังสร้างความปลอดภัยทางถนนร่วมกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ปลูกจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัยทางถนนตั้งแต่วัยเยาว์ขยายไปสู่ พ่อแม่ผู้ปกครอง ชุมชน สำหรับปีใหม่นี้ ที่จะมีการเดินทางจำนวนมาก ประชาชนควรสำรวจเส้นทาง ป้ายเตือนต่าง ๆ เคารพกฎจราจร ดื่มไม่ขับ ขอให้ระมัดระวังการเดินทาง โดยเช็คลิส 3 ข้อ 1. ถนน สำรวจเส้นทางการเดินทางให้พร้อม 2. เช็คสภาพรถให้เกิดความปลอดภัย 3. ดื่มไม่ขับควบคู่ไม่ขับรถเร็ว สวมหมวกกันน็อกทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย และคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เพื่อสร้างความปลอดภัยเทศกาล” น.ส.รุ่งอรุณ กล่าว

นายกิจจา ศรีทองกุล วิศวกรระดับ 11 ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนรัชชประภา กล่าวว่า เขื่อนรัชชประภามีพื้นที่ชุมชนรอบข้าง ซึ่งอยู่มาก่อนการสร้างเขื่อน มีจุดตัดระหว่างพื้นที่เขื่อนกับชุมชนที่ต้องใช้ร่วมกัน และมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงดำเนินการปรับปรุงแก้ไขจุดเสี่ยง เพื่อรองรับการใช้พื้นที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว โดยแก้ไขทางโค้งที่มีความลาดชันเกิน 70% ทาสีกันลื่น ปิดท่อร่องน้ำที่มักมีรถตกลงไป ตีเส้นจราจร ทาสีสะท้อนแสงเพื่อให้เห็นชัดเจน สวมหมวกนิรภัย 100% เริ่มต้นจากให้เจ้าหน้าที่ทุกคน สวมหมวกนิรภัย 100% หากฝ่าฝืนจะโดนลงโทษพักงาน พร้อมทั้งตั้งป้อมรักษาความปลอดภัย ตักเตือนชาวบ้าน นักท่องเที่ยว ที่ไม่สวมหมวกนิรภัย กำชับเรื่องความเร็ว สำหรับมาตรการปีใหม่นี้ ตั้งเป้ารับนักท่องเที่ยว วันละ 5-6 หมื่นคน จำนวนรถที่เข้าพื้นที่คาดว่ามีมากกว่าปกติ เขื่อนได้จัดให้วิ่งรถทางเดียว ป้องกันการขับสวนเลน รณรงค์ไม่ให้มีการดื่มและขายแอลกอฮอล์ในพื้นที่อย่างเด็ดขาด

นายเชาวลิต ช่วยสงค์ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเชี่ยวหลาน กล่าวว่า ชุมชนบ้านเชี่ยวหลาน เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านอพยพมาจากการสร้างเขื่อน มีเส้นทางรูปแบบจุดตัด สามแยก สี่แยก จำนวนมาก เมื่อมีทางแยกมาก ก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุง่าย เทศบาลได้ติดตั้งเครื่องหมายจราจรต่าง ๆ บริเวณหน้าโรงเรียน ตีเส้นบนถนน ติดตั้งป้ายชะลอความเร็ว ส่วนทางแยกได้ติดตั้งไฟกระพริบ ป้ายหยุด เพื่อให้ชะลอความเร็ว และที่สำคัญคือรณรงค์ให้สวมหมวกนิรภัย โดยเริ่มต้นจากเจ้าหน้าที่ของเทศบาล พนักงาน ข้าราชการ โรงเรียน ทำเป็นแบบอย่างกับประชาชน สวมหมวกนิรภัย 100% รวมถึงขอความร่วมมือไปยังครัวเรือน ชุมชน ในการขับขี่อย่างปลอดภัย เคารพจราจร โดยทั้งหมดนี้จะอาศัยความร่วมมือจาก อาสาสมัคร อปพร. อสม. และ สำนักงาน ปภ.จังหวัด กวดขันจราจรกับประชาชน


You must be logged in to post a comment Login