- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เหตุผลที่ต้องมีศรัทธา
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 6 ม.ค. 66 )
รถยนต์ทั่วไปในปัจจุบันมีสมรรถนะทำความเร็วได้ถึง 220 ก.ม.ต่อชั่วโมง คนขับรถยนต์มีความสามารถและมีเสรีภาพที่จะขับรถยนต์อย่างไรก็ได้ แต่ไม่มีใครสักคนกล้าขับด้วยความเร็วขนาดนั้น เพราะมีกฎหมายจำกัดความเร็ว ทั้งนี้เนื่องจากกฎหมายของทุกประเทศต้องการรักษาชีวิตของคนขับ ผู้โดยสารและคนอื่นๆที่ใช้ถนนร่วมกัน
ถึงแม้ไม่มีกฎหมายจำกัดความเร็ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าขับด้วยความเร็วขนาดนั้น เพราะคนเรารักชีวิตตัวเอง ยิ่งถ้ามีภรรยาและลูกๆนั่งไปด้วย ยิ่งต้องจำกัดความเร็วเพื่อความปลอดภัยของครอบครัว มิเช่นนั้นคงถูกเมียดึงหูถามว่ารีบไปงานศพพ่อหรือไง กลับมาบ้านแล้วยังต้องมานั่งฟังเสียงบ่นแทนเสียงเครื่องยนต์ตลอดทั้งคืนอีก
แม้การปฏิบัติตามกฎหมายและการปฏิบัติตามสำนึกแห่งความรักชีวิตของตัวเองและครอบครัวจะนำมาซึ่งผลดีแก่ตัวเองและส่วนรวม แต่การปฏิบัติตามสองสิ่งนี้มีความแตกต่างกัน การปฏิบัติตามกฎหมายมิได้เกิดจากความเต็มใจ แต่ทำไปเพราะถูกบังคับ หลายคนจึงละเมิดกฎหมายเมื่อเห็นว่าไม่มีเจ้าหน้าที่กฎหมายเฝ้าจับตามอง แต่การทำตามจิตสำนึกนั้นทำไปโดยไม่มีกฎหมายคอยควบคุม
สังคมใดที่มีกฎหมายมากมายหลายฉบับแสดงว่าผู้คนในสังคมนั้นขาดความสำนึกในระเบียบวินัย เปรียบเหมือนฝูงควายที่ต้องใช้ไม้ตีเพื่อต้อนให้เข้าคอกหรือไม่แตกฝูง
หลายประเทศมีกฎหมาย แต่ขาดสำนึกในการปฏิบัติตามกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ เมื่อผู้รักษากฎหมายย่อหย่อนในการบังคับใช้กฎหมาย ผู้คนในสังคมก็มักจะละเมิดกฎหมาย
กฎของศาสนาก็ไม่ต่างไปจากกฎหมาย ความจริงแล้ว ก่อนที่โลกนี้จะมีรัฐบาลและรัฐสภาทำหน้าที่ออกกฎหมายควบคุมและจัดระเบียบสังคม มนุษย์เคยใช้คำสอนของศาสนาในการจัดระเบียบตัวเอง ครอบครัวและสังคมมาก่อน และในกฎของศาสนามีการควบคุมมนุษย์สองทาง นั่นคือ การควบคุมด้านจิตวิญญาณด้วยความศรัทธาและควบคุมพฤติกรรมด้วยบทลงโทษหากล่วงละเมิดขอบเขต
นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมอิสลามจึงเน้นให้มนุษย์ดำเนินชีวิตด้วยความศรัทธาในพระเจ้า ในทางปฏิบัติหมายความว่า สิ่งใดที่พระเจ้าสั่ง จงทำตาม สิ่งใดที่พระเจ้าห้าม จงละเว้น ความศรัทธาเช่นนี้จะแปลงการงานในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นผลบุญ เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทรงยุติธรรม พระองค์จะทรงตอบแทนการงานที่มนุษย์ทำตามคำบัญชาของพระองค์
แต่ความศรัทธามีขึ้นมีลง ดังนั้น เพื่อรักษาระดับความศรัทธาไว้ให้มั่นคงสม่ำเสมอ มุสลิมจึงถูกกำหนดให้ละหมาดวันละห้าครั้งเพื่อเตือนตัวเองให้ระลึกถึงพระเจ้า และถือศีลอดในเดือนรอมฎอนเพื่อฝึกการหักห้ามใจตัวเองมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับอบายมุข
การทำกิจกรรมหรือการงานใดๆเพื่อผลประโยชน์ทางโลก ผู้ทำย่อมได้ผลตอบแทนทางโลกตามเจตนา แต่ถ้าใครทำการงานเดียวกันนั้นด้วยความสำนึกว่าพระเจ้าสั่งให้ทำ คนที่ทำการงานนั้นจะได้รับผลบุญตั้งเริ่มลงมือทำและผลตอบแทนทางโลกที่จะติดตามมา เพราะการงานนั้นทำมาจากความศรัทธา
เช่นเดียวกัน การงดเว้นจากสิ่งมึนเมาเพราะไม่มีเงินหามาเสพ หรืองดเว้นเพราะกฎหมายห้ามหรือกลัวการประณามจากสังคมรอบข้างเป็นแค่เพียงการห่างจากบาปชั่วคราวเพราะจำเป็น แต่หากการงดเว้นจากอบายมุขด้วยความสำนึกว่าพระเจ้าเฝ้ามองดูอยู่และเกรงกลัวพระองค์ การงดเว้นนั้นจะได้รับผลบุญเป็นรางวัลตอบแทนจากการทำตามคำบัญชาของพระองค์
ความศรัทธาในพระเจ้าจึงมิใช่เรื่องงมงายไร้เหตุผลและไม่ทำให้ผู้ศรัทธาขาดทุนแต่ประการใด
You must be logged in to post a comment Login