วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

อิสลามมาเพื่อความสมดุลของชีวิต

On January 13, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่   13 ม.ค. 66 )

นกบินอยู่บนฟ้าได้เพราะมันกระพือปีกสองข้างพร้อมๆกัน ไม่มีนกตัวใดลอยอยู่กลางอากาศได้โดยกางปีกเพียงข้างเดียว  การบินของนกบนท้องฟ้าจึงน่าจะทำให้มนุษย์ได้รับบทเรียนในการใช้ชีวิตบ้าง

ชีวิตของมนุษย์ประกอบด้วยร่างกายและวิญญาณที่ไม่อาจแยกจากกันได้ นั่นคือ ชีวิตของมนุษย์จะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อร่างกายและวิญญาณได้รับการตอบสนองอย่างสมดุล

ถ้าร่างกายต้องการอาหารเพื่อการเจริญเติบโตและแข็งแรง ต้องการการชำระล้างเพื่อความสะอาดหมดจดสดชื่น  ต้องการการพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าและต้องการการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์  วิญญาณก็ต้องการเช่นกัน

วิทยาศาสตร์สามารถตอบสนองความต้องการทางด้านร่างกายของมนุษย์ได้ทุกอย่าง  แต่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางด้านวิญญาณของมนุษย์ได้  มิหนำซ้ำ กลับทำลายความต้องการทางด้านวิญญาณของมนุษย์อีกต่างหาก

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมมนุษย์จำเป็นต้องมี ต้องเรียนและต้องปฏิบัติศาสนา  เพราะการปฏิบัติศาสนกิจจะตอบสนองความต้องการทางด้านวิญญาณของมนุษย์และทำให้ชีวิตของมนุษย์ได้รับความสมบูรณ์

สิ่งที่เราเรียกกันว่า “ศาสนา” ในปัจจุบันนั้นความจริงแล้วเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของแนวทางการดำเนินชีวิตที่พระเจ้าประทานแก่มนุษยชาติ  แต่คำสอนของศาสนาแทรกซึมอยู่ในทุกมิติของการดำเนินชีวิต  การปฏิบัติศาสนกิจจึงต้องทำเป็นประจำเช่นเดียวกับที่มนุษย์ต้องกินข้าว อาบน้ำ พักผ่อนและออกกำลังกาย

ในอดีตที่สังคมยังมีผู้คนไม่มากและอาศัยอยู่ห่างกัน  การรักษาคำสอนของศาสนาจึงกระทำโดยพระ นักบวชหรือสงฆ์  การตักบาตรแก่พระสงฆ์นอกจากเป็นการทำทานบริจาคอาหารแก่พระสงฆ์แล้ว ยังช่วยพระสงฆ์ให้มีเวลาศึกษาพระธรรมคำสอนของศาสนาเพื่อมาสอนให้แก่คนทั่วไป และเป็นการรักษาศาสนาไว้ให้คนรุ่นหลัง

ก่อนหน้าสมัยอิสลาม  ชาวอาหรับไม่มีนักบวชหรือพระ แต่ชาวอาหรับเชื่อในเวทมนตร์ไสยศาสตร์และกราบไหว้บูชารูปเคารพต่างๆมากมาย  เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลามและเริ่มสอนผู้คนให้ละหมาดวันละห้าเวลาและถือศีลอดในเดือนรอมฎอน  มีสาวกบางคนดื่มด่ำในคำสอนของอิสลามจนอยากละหมาดทั้งคืนและจะถือศีลอดตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน และจะไม่แต่งงาน

นบีมุฮัมมัดได้ห้ามสาวกของท่านมิให้ทำเช่นนั้น เพราะนั่นคือความสุดโต่งในการดำเนินชีวิต  ท่านให้เหตุผลว่าถึงแม้ตัวท่านเป็นนบีผู้ทำหน้าที่เผยแผ่อิสลาม ท่านก็เป็นมนุษย์ที่มีภรรยา  ท่านละหมาดและท่านก็พักผ่อน  ท่านถือศีลอดและท่านก็ละศีลอด  หากปฏิบัติแบบสุดโต่งอาจเป็นการทรมานตน ไม่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน  นานวันเข้าจะเบื่อและเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจปฏิบัติได้

เนื่องจากมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตสองโลก คือ โลกนี้และโลกหน้า  โลกใบนี้มนุษย์มาอยู่เพื่อไปและโลกหน้ามนุษย์ไปเพื่ออยู่  อิสลามจึงไม่ห้ามการที่มนุษย์จะมีสิ่งดีๆในโลกนี้และในโลกหน้า  คำวิงวอนจากคัมภีร์กุรอานตอนหนึ่งที่นบีมุฮัมมัดสอนให้มุสลิมอ่านก็คือ “โอ้พระผู้อภิบาลของเรา  โปรดประทานสิ่งที่ดีแก่เราในโลกนี้และโลกหน้า และโปรดคุ้มครองเราให้พ้นจากไฟนรก”

แม้การปฏิบัติศาสนกิจเพื่อแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญ  แต่คำสอนของอิสลามถือว่าการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าที่ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า worship นั้นมิได้จำกัดอยู่แค่การปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น  แต่การงดเว้นจากสิ่งที่พระเจ้าห้ามและปฏิบัติตามในสิ่งที่พระเจ้าสั่งใช้ในชีวิตประจำวัน ถือเป็นการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าเช่นกัน และการกระทำเช่นนี้คือความหมายของคำว่า “มุสลิม”


You must be logged in to post a comment Login