- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
ต้องชูพลังสามัคคีเป็นหลัก

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 19 ม.ค. 66 )
ตอนนี้หลายพรรคพยายามชูนโยบายหาเสียงเลือกตั้งว่า จะต้องทำอย่างนี้ จะต้องทำอย่างนั้น โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่มีคุณอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค ที่ออกมาบอกว่า จะพยายามลดความขัดแย้ง หรือกำจัดความขัดแย้งให้ได้ในคราวนี้ เพื่อจะได้เป็นประเทศที่ก้าวหน้าร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีลักษณะมาราวีกันกลางถนนทำให้บ้านเมืองเสียความสงบ เพราะเท่าที่ผ่านมานี่ก็ทำให้สงบ แต่ก็ยังสลบทางเศรษฐกิจ
ถ้าประเทศสงบด้วย เศรษฐกิจดีด้วย มันเหมือนได้สวรรค์ชั้นหนึ่ง ถ้าทำได้ก็ขออนุโมทนาในความมุ่งหวัง ตั้งใจจะทำอะไรกันซักอย่างเพื่อบ้านเมืองจะได้ไม่ต้องเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆก็พยายามที่จะสลายขั้ว สลายสีเหมือนกัน แต่ถ้าชัดเจนก็มีพรรคที่เขาบอกว่า พอแล้ว พอที เรื่องความขัดแย้งแบ่งสี แบ่งข้าง มันทำให้บ้านเมืองพัง และไม่สร้างสรรค์ประโยชน์ให้ใครเลย ไม่ว่าจะเป็นข้างไหน สีไหน
เป็นสีแห่งความยุ่งยาก ลำบาก ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สวย ไม่ร่ำรวย และยังไม่สวยอีกต่างหาก เพราะแบ่งข้างกันอยู่นี่แหละ ประเทศไทยเหมือนประเทศอกแตก ตอนนี้ถ้าพรรคไหนไม่ชูนโยบายอะไรให้เด่นชัดซักอย่างหนึ่ง ประชาชนคงจะเฝ้าดูจะเลือกดี ไม่เลือกดี เพราะฉะนั้นเลยต้องชูพลังแห่งความสามัคคีเป็นหลัก เพราะสามัคคีทำให้บ้านเมืองเจริญ ซึ่งถ้าไม่มีสามัคคี บ้านเมืองก็อยู่ยาก ฟื้นตัวยาก
ที่สำคัญ ก้าวหน้าทางเศรษฐกิจได้ยาก ก็หวังว่า เราคงจะได้เห็นความตั้งใจ ความพยายามที่เขาชูประเด็นนี้ ประเด็นนั้นขึ้นมา ประชาชนต้องคอยสังเกตว่า พูดแล้วเขาทำได้หรือไม่ เขาเชิดชูคำนั้นอย่างนี้ เขาทำได้มั้ย ถ้าเขาทำได้ก็ปล่อยเลือกเขาต่อไป ถ้าเขาทำไม่ได้ก็เรียกว่า พอกันทีชาตินี้ไม่หย่อนบัตรให้อีกแล้ว เพราะพูดแล้วทำไม่ได้ ก็คงจะต้องติดตามดูต่อไปว่า เขาจะทำได้หรือไม่ได้ เป็นผลแห่งการต้องคอยดู
คอยติดตามเพื่อความสร้างสรรค์พัฒนาประเทศให้พ้นจากวงจรที่เรียกว่า เป็นวงจรไม่สร้างสรรค์ หรือที่ทางใต้เขาเรียกกัน “วงจรอุบาทว์” มีแต่เรื่องขัดแย้ง ซึ่งขัดแย้งก็คือ อุปัทวะแห่งความขัดแย้ง ทำให้บ้านเมืองเสียโอกาสไปมากมาย พอกันที ดีแล้วที่จะอยู่อย่างสลายความขัดแย้ง
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login