- ขอให้ใช้สมองเดินหน้าPosted 5 hours ago
- เบี้ยแก้Posted 3 days ago
- โจรมาแรงยิ่งกว่ายุงPosted 4 days ago
- ถ้า “ทักษิณ” พ้นโทษPosted 5 days ago
- ไม่ลด-ละ-เลิก- อันตรายPosted 6 days ago
- อย่าด้อยค่าวันสำคัญศาสนาPosted 1 week ago
- เสียเพราะรักPosted 1 week ago
- ตำรวจไทยโชว์ฝีมือPosted 2 weeks ago
- สามัคคีปรองดองกันให้ดีPosted 2 weeks ago
- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 2 weeks ago
1 ปีหมอกระต่ายสูญเสียแต่ไม่สูญเปล่า…. สู่วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/01/3-45.jpg)
“การเกิดอุบัติเหตุจนทำให้มีผู้เสียชีวิต เป็นเรื่องเลวร้าสำหรับครอบครัวที่สูญเสีย สำหรับพ่อเวลา 1 ปี เป็นช่วงเวลาที่สั้นครอบครัวยังโศกเศร้า อาลัย ไม่มีสิ่งใดบรรเทาได้ แต่เราจะต้องปรับตัวให้อยู่อย่างมีคุณภาพได้….ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นความเปลี่ยนแปลงในครอบครัว และพ่อหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในสังคม สิ่งที่เห็นในตอนนนี้คือการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของทางข้าม ที่ได้เห็นมีการกำหนดจุดเตือน ติดตั้งสัญญาณจราจรเพิ่มขึ้น”
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/01/5-28.jpg)
สิ้นเสียงของคุณพ่อของพ่อกระต่าย หรือ นพ.อนิรุทธ์ สุภวัตรจริยากุล ที่ได้กล่าวในกิจกรรม เครือข่าย จัดกิจกรรม “21 ม.ค. รำลึก 1 ปี หมอกระต่าย สู่วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” และ“หยุดสูญเสีย หยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้” ครั้งที่ 12 เพื่อรำลึกถึง พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถบิ๊กไบค์ชน ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต ที่ โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ จัดโดยคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย
“ผ่านมา 1 ปี เป็นความรู้สึกที่เร็วมาก ครอบครัวยังต้องปรับตัวกับความสูญเสีย และสู้ต่อในทุกๆ วัน พยายามใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์กับสังคมให้ได้มากที่สุด หลังสูญเสียลูกสาว ทำงานทุกวันเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตและจิตใจ ให้ก้าวเดินต่อไปได้ในทุกวินาที เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปตลอดกาล ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปสำหรับคนเป็นพ่อแม่” นั่นคือสิ่ง นพ.อนิรุทธ์ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นว่ามีผลกระทบอย่างไรกับครอบครัวของผู้สูญเสีย
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/01/7-22.jpg)
ที่ผ่านมา กทม. คณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้งเสริมสุขภาพ(สสส.) มูลนิธิเมาไม่ขับ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.)และภาคีเครือข่ายอีกกว่า 100 องค์กร ร่วมจัดกิจกรรม “หยุดสูญเสีย หยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้” มาอย่างต่อเนื่องทุกเดือนตลอด 1 ปีนับตั้งแต่เกิดเหตุ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 12 เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้เกิดขึ้นจริงในสังคมอย่างยั่งยืน ผ่านกลไกของวุฒิสภา โดยอาศัยการมีส่วนร่วมจากผู้เชี่ยวชาญและผู้แทนจากทุกฝ่าย
21 ม.ค. ของทุกปี เป็นวันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/01/6-27.jpg)
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา กล่าวว่า การเสียชีวิตคุณหมอกระต่าย เป็นความสูญเสียที่สะเทือนใจต่อสังคม สะท้อนความเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอีก จากข้อมูล 3 ฐานรวบรวมโดยกระทรวงสาธารณสุข 10 ปีย้อนหลัง พบการเสียชีวิตของคนเดินเท้าเฉลี่ย 1,000 ราย/ปี เกือบ 50% เกิดจากรถจักรยานยนต์ 1 ใน 3 เกิดขึ้นในเขตเมือง และในความสูญเสียครั้งนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังที่สำคัญ และได้มีการจัดกิจกรรมร่วมกับเครือยข่าย “หยุดสูญเสีย หยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้” มาอย่างต่อเนื่องทุกเดือนมาเป็นเวลา 1 ปีในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 และในวันนี้เป็นข่าวดีของชาวไทยที่รัฐบาลได้ยกระดับ ความสำคัญ ให้วันที่ 21 ม.ค. ของทุกปี เป็นวันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน จึงนับเป็นวันสำคัญของประเทศไทยอีกวันหนึ่ง
รำลึกถึงคุณหมอกระต่ายและส่องแสงไปสู่ “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน”
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/01/8-17.jpg)
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า จากการรณรงค์ “หยุดสูญเสีย หยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้” อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีนั้น ด้วยความมุ่งหมายที่อยากให้มีวัฒนธรรมของการ “หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย” และเน้นย้ำถึง “การลดความเร็วรถในพื้นที่เขตเมืองและชุมชน” และ “ขอให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง” เชื่อว่าการทำงานร่วมของทุกหน่วยงานที่ผ่านมา 1 ปี เกิดผลเป็นที่น่ายินดี เพราะเห็นความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพในพื้นที่ กทม.ค่อนข้างมาก อาทิ การปรับปรุงพื้นที่ทางข้ามทางม้าลายให้ชัดเจนขึ้นและมีการติดตั้งสัญญาณไฟสำหรับคนเดินข้ามถนนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งข้อมูลของ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้ชี้ชัดว่า ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นคนเดินเท้า ในปี 2565 ลดลงถึง 12% จากปี 2564 โดยลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ถึง 81 ชีวิต ถือว่าการทำงานร่วมของทุกภาคส่วนไม่สูญเปล่า และจะเป็นแสงสว่างให้กับประเทศไทยที่จะมีถนนที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้น เหมือนเช่นในวันนี้ที่ทุกคนมาร่วมส่งแสงเพื่อรำลึกถึงคุณหมอกระต่ายและส่องแสงไปสู่ “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน”
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/01/1-51.jpg)
สสส. คณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินฯ มูลนิธิเมาไม่ขับโดย นพ.แท้จริง ศิริพานิช และภาคีเครือข่าย มุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันต่อเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทางถนน โดยเน้นไปที่การทำให้ สังคมและประชาชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมกันทำให้พื้นที่ทางม้าลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยของคนข้ามถนนและผู้ขับขี่ ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีวินัยจราจรเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100% ให้เกิดขึ้นจริง ตามนโยบายของ ศปถ. เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ที่จะช่วยดึงยอดการเสียชีวิตและความสูญเสียของกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในบ้านเราลงให้ได้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนอย่างยั่งยืนต่อไป
กทม.ร่วมสนับสนุนปรับปรุงซ่อมแซมทางม้าลาย
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน ต้องทำทุกอย่างขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ทั้งเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย และรณรงค์ให้คนตระหนักรู้ ปัจจุบันนี้มีการรณรงค์ทุกเขตเรื่องการข้ามทางม้าลาย ในภาพรวมเริ่มดีขึ้น เราเริ่มเห็นรถหยุดให้คนข้ามทางม้าลายมากขึ้น ต้องช่วยกัน ทุกคนมีส่วนให้เมืองนี้ปลอดภัยขึ้นได้”
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/01/2-51.jpg)
ทั้งนี้ นายชัชชาติ ระบุว่า ได้มีการรายงานถึงการปรับปรุง ซ่อมแซม และเพิ่มเติม ทางม้าลาย และสัญญาณไฟจราจร ที่ได้ทำไปแล้วในปี 2565 คือ ล้างทางม้าลายไปแล้ว 421 แห่ง ทำทางข้ามสีโคลด์พลาสติก (สีแดง) 145 แห่ง ปรับปรุงทางม้าลายสีขาวที่จางและชำรุด 1,000 แห่ง ติดตั้งสัญญาณไฟจราจร 4 แห่ง สัญญาณไฟข้ามทางม้าลาย 85 แห่ง สัญญาณไฟกะพริบเตือน 50 แห่ง ในปี 2566 มีเป้าหมายดำเนินการล้างทางม้าลายอีก 500 แห่ง ทาสีโคลด์พลาสติกเพิ่ม 210 แห่ง ปรับปรุงซ่อมแซมทางม้าลายสีขาว 500 แห่ง ติดสัญญาณไฟจราจรเพิ่ม 2 แห่ง สัญญาณไฟกะพริบเตือน 50 แห่ง และยังมีอีกหลายโครงการเกี่ยวกับความปลอดภัยบนท้องถนนที่กำลังดำเนินการ เพราะเรื่องของหมอกระต่ายถือเป็นบทเรียนราคาแพง และกรุงเทพมหานครพร้อมปรับปรุงและดำเนินการนโยบายด้านนี้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงรณรงค์เรื่องการใช้กฎหมายให้เข้มข้นขึ้น
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/01/4-41.jpg)
สุดท้าย นพ.อนิรุทธ์ กล่าวสรุปว่า วันที่ 21 ม.ค. คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้เป็นวันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน จึงอยากให้ภาครัฐเข้มข้นกับนโยบายเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และทุกหน่วยงานเห็นความสำคัญของเรื่องนี้อย่างแท้จริง 1 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีการปรับปรุงกายภาพถนนมากขึ้น แต่อย่าลืมว่าสังคมเมืองหลวงเป็นสังคมหนาแน่น กฎหมายจราจรต้องเดินหน้าไปพร้อมกับบริบทที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการขับขี่ที่ไม่คำนึงถึงคนเดินเท้า เพื่อให้เกิดการปรับพฤติกรรม นอกจากนี้ต้องปลูกฝังเด็ก-เยาวชน ผ่านระบบการศึกษา และผู้ปกครอง ครู ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี
You must be logged in to post a comment Login