วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ชาวบ้านคนบาปผู้บุกรุกป่าเขา ไม่เจริญหรอก

On January 24, 2023

คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ

ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 24 ม.ค. 66 )

วันก่อนผมไปวุฒิสภา เห็นมี “ป้า” ชาวบ้านร้องเรียนว่าตนอยู่อาศัยมานาน ช่วยปราบราชการคอมมิวนิสต์จนได้อยู่บนภูเขา และพอมาทำเป็นโฮมสเตย์ ก็กลับถูกทางการห้าม ช่างไม่เห็นความดีของตนที่ทำเพื่อชาติเลย เรื่องนี้คิดกันอย่างไร ผมทำหนังสือถึงท่านประธานคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องด้วย

5/15 ถ.นนทรี ยานนาวา กทม.10120

18    มกราคม    2566

เรื่อง      ความเห็นต่อกรณีศึกษาการบุกรุกทำลายป่า

เรียน     รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์

ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา

เมื่อวันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 ท่านได้ให้ความเมตตาเชิญกระผมไปร่วมประชุมเรื่องการบุกรุกป่าเขา ในตอนท้ายท่านเล่าให้ฟังว่า มีป้าคนหนึ่งซึ่งอยู่บนป่าเขามาร้องเรียนว่าตนอยู่อาศัยมานานหลายสิบปีแล้ว สมัยปราบคอมมิวนิสต์เมื่อ 40 กว่าปีก่อน ก็ยังอุตส่าห์ช่วยราชการ “ชี้เป้า” เพื่อให้ทางการได้ขึ้นเขาไปปราบปรามคอมมิวนิสต์ ถือเป็นความดีต่อชาติอย่างหนึ่ง  มาวันนี้แถวบ้านป้ามีคนมาท่องเที่ยว ป้าเลยนำบ้านไปทำเป็นโฮมสเตย์ แต่ทางการไม่ยอมให้ทำ อ้างว่าผิดกฎหมาย ป้าเลยน้อยใจที่รัฐไม่เห็นใจคนจนที่เคยช่วยปราบคอมมิวนิสต์

กระผมก็ไม่ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ในที่ประชุม เพราะถือว่าท่านประธานเชิญกระผมมาให้ข้อมูลเท่านั้น  แต่กระผมมีความเห็นต่างจากป้าท่านดังกล่าวโดยสิ้นเชิง จึงทำหนังสือนี้มาให้ข้อคิดเห็นต่อท่าน เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่องานราชการของท่านต่อไป ดังนี้ :

1. การอ้างว่าตนได้ทำดีเพื่อชาติก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่การหาผลประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยการใช้ประกอบการพาณิชย์แทนที่จะเป็นที่อยู่อาศัยตามที่รัฐมอบที่ดินให้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่พึงอ้างมาปะปนกันเพื่อเอาประโยชน์ใส่ตัว

2. ป้าพึงสำนึกว่าตนได้อยู่อาศัยจากการครอบครองที่สาธารณสมบัติแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายมานาน น่าจะรู้จักเพียงพอบ้าง การที่เอาอสังหาริมทรัพย์ที่ตนครองมาหาผลประโยชน์เป็นสิ่งที่พึงละอายหรือไม่ ทำไมไม่มองในมุมกลับว่าตนก็ได้อยู่อาศัยโดยไม่ต้องเช่าใครมาค่อนชีวิต คนเราต้องรู้จักพอบ้าง ไม่ใช่มือใครยาว สาวได้สาวเอา

3. ป้าต้องมีจิตสาธารณะว่า ป่าเขาทั้งหลายเป็น “ของหลวง” คือหมายถึงของคนไทยโดยรวม เขาค้อก็เป็นของคนไทยที่อยู่ห่างไกล เช่น คน กทม. คนยะลา คนเชียงใหม่ ฯลฯ  ร่วมกัน  ไม่ใช่ใครจะถือสิทธิ์แบบ “สิบเบี้ยใกล้มือ” ได้

4. ถ้าป้าแก่แล้วไม่สามารถดูแลตนเองได้ ไม่มีรายได้ และหากไม่มีลูกหลานดูแล ก็ควรที่จะไปอยู่สถานสงเคราะห์ผู้สูงวัย แต่รัฐก็มีสวัสดิการสังคมที่จำกัด แสดงว่ารัฐพึงจะเจียดงบประมาณกองทัพ (เกือบสองแสนล้านบาท) มาใช้สำหรับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ไม่ถึงสองหมื่นห้าพันล้านบาท) เป็นต้น เพื่อจะได้จัดสวัสดิการสังคมแก่ผู้สูงวัยมากขึ้น

5. ในกรณีชาวบ้านทั่วไปที่อยู่ในป่าเขา ก็อาจหาอาชีพใหม่ เช่น รับจ้างดับไฟป่าหรือเฝ้าระวังการตัดไม้ทำลายป่า (โดยไม่ให้ทำการเกษตรเพื่อการค้าใดๆ ยกเว้นปลูกพืชผักสวนครัวไว้ใช้เอง) จะได้ไม่บุกรุกที่ดินเพิ่มเติม

6. ในแง่การท่องเที่ยว ก็ต้องให้การศึกษานักท่องเที่ยวว่าห้ามไปเที่ยวในที่เหล่านี้เพราะเป็นการส่งเสริมการกระทำผิดกฎหมาย และนักท่องเที่ยวที่ไปใช้บริการโฮมสเตย์แบบนี้ก็ควรได้รับโทษฐานบุกรุกทำลายป่าด้วย จะได้เข็ดหลาบ

7. ในบริเวณที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลควรจัดประมูลให้วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม (SMEs) หรือหน่วยงานใดๆ มาประมูลเพื่อการดำเนินการท่องเที่ยว และให้มีการเก็บภาษีมาบำรุงป่า ไม่ใช่เอาทรัพยากรของชาติโดยรวมไปให้คนเฉพาะกลุ่มที่อยู่ใกล้ทรัพยากรนั้นได้ใช้เท่านั้น

8. สำหรับพวกคอมมิวนิสต์ที่ป้าดังกล่าวอ้างนั้น กระผมไม่เคยเข้าป่าเช่น ส.ว. ส.ส. หรือรัฐมนตรีหลายท่าน ไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ แต่เท่าที่ศึกษาพบว่าในความเป็นจริงพวกเขาก็เป็นผู้รักชาติเช่นกัน พวกเขาต่อสู้เพื่อประเทศชาติที่ถูกครอบงำโดยรัฐบาลเผด็จการทรราชในสมัยนั้น พวกเขาดูแลทรัพยากรเป็นอย่างดี ไม่มีการตัดไม้ทำลายป่าหรือทำร้ายสัตว์ป่า สัตว์ป่าหายากก็ยังสามารถอยู่ได้อย่างปกติสุขในป่าเขาที่พวกเขาครอบครอง กระผมจึงขอความเป็นธรรมและโปรดให้เกียรติให้กับคนไทยที่เป็นคอมมิวนิสต์เหล่านั้นด้วย

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

ด้วยความเคารพ

(ดร.โสภณ พรโชคชัย)

ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง


You must be logged in to post a comment Login