- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 2 ก.พ. 66 )
เมื่อไม่นานมานี้ มีเรื่องฮือฮาขึ้นมาอีก เมื่อมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ประชุมกันแล้วใช้คำพูดแปลกดีว่า เสนอให้มีการจ่ายเงินให้ประชาชนไปเลือกตั้ง 500 บาท เพื่อหวังจะแก้ปัญหาซื้อสิทธิขายเสียง เรียกว่า จะต้องใช้เงินถึง 2 หมื่นล้านบาท เป็นเรื่องที่เรียกว่า ฮือฮากันในแวดวงการเมืองไทยเรื่องหนึ่งไม่น้อยหน้าเรื่องอื่นๆ อาจารย์วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกว่า ไม่เห็นชาติอื่น เมืองอื่นเขาทำกัน และถ้าบอกว่า ต้องให้ 500 บาททุกคนมันเกินค่าแรงด้วย
ที่สำคัญ การเลือกตั้งไม่ได้ไปข้ามจังหวัด มันอยู่แค่ตำบลแต่ละตำบล ทำไมจะต้องจ้างกันไปทำหน้าที่พลเมืองดี ซึ่งกี่ปีจะมีสักครั้งหนึ่ง และถ้าบอก 500 บาททุกคน คนที่อยู่ติดบ้านกัน หรือที่ทำการหย่อนบัตร ติดกันนิดเดียวกับบ้านได้ 500 บาท มันเป็นเรื่องอะไรกันหนอที่ความคิดที่อยากจะให้เงินแผ่นดินนี้ต้องไป แล้วเราระดมจิตอาสา จิตพัฒนากันจะขึ้นได้ไง ในเมื่อจะลงบัตรทั้งทียังต้องจ้าง และธรรมดาจ้างกันก็ไม่ถึง 500 บาท
ตรงนี้เลยกลายเป็นเรื่องบ้านเมืองมีอะไรแปลกๆ ยิ่งมาพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ก็ถูกคุณจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำเสื้อแดง เตะตัดขาจนไม่รู้ว่า ขาจะบวมเดินได้หรือไม่ได้ จะแลนด์สไลด์หรือไม่แลนด์สไลด์ นี่ก็เป็นอีกข่าวหนึ่งในการเมือง รู้สึกพรรคการเมืองนี่ การที่จะเดินทางแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองกลับมาแก้ปัญหาคนกันเองบ้าง คนในพวกเดียวกันบ้าง เคยต่อสู้กันมาแล้วก็ต้องมาเปลี่ยนแปลง
นี่ก็อยากจะฝากเป็นบทเรียนสำหรับคนไทย การเลือกข้างอยู่สีนั้น สีโน้น สีนี้ และเราเคยได้ยินนักการเมืองที่เคยดังเปรี้ยงปร้างเกือบจะได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี หรือเป็นนายกรัฐมนตรี แต่แล้วก็หายไป เคยพูดว่า ถ้าไม่เลือกข้างอยู่ข้างเหลืองก็เรียกว่า โง่ เพราะคิดว่า ตอนนั้นตัวเองอยู่ข้างนี้ฉลาดที่สุดแล้ว ดีที่สุดแล้ว แต่การนานขึ้นมา สีนั้นก็ไม่ได้เกิดเหมือนตอนต้นๆ ซึ่งตอนแรกๆก็ต้องบอกว่า การเกลียดคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
การต่อต้านกันสุดๆถึงกับขับไล่ตระกูลชินวัตรแทบจะไม่มีแผ่นดินอยู่ ในที่สุดต้องไปต่างประเทศ และก็มีคำว่า นี่ทำไมย้อนรอยได้ถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นใครที่จะตั้งองค์กรอะไร ดึงคนมาร่วมได้มากมายแค่ไหน จะเป็นแดงทั้งแผ่นดิน เหลืองทั้งแผ่นดิน หรือจะเป็นนกหวีดทั้งแผ่นดินก็ค่อยๆหมดไปสมกับคำว่า “อนิจจัง” เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป” ไม่มีสีไหน กลุ่มไหนที่ตั้งปลุกปั่นระดมได้พวก ได้พ้อง ได้เพื่อนมาอย่างมากมาย แล้วสักวันหนึ่งมันก็จะมีเรื่องที่อยู่กันไม่ได้ มองหน้ากันไม่ได้
จนเรียกกันว่า มิตรกลายเป็นศัตรู เพื่อนกลายเป็นคู่อริ นี่บ้านเมืองเรามันมีปัญหาซับซ้อนจนกระทั่งสมองที่จะคิดแก้ปัญหาให้บ้านเมืองทั้งด้านศีลธรรม ด้านเศรษฐกิจ ศีลธรรมตกต่ำขนาดที่ว่า ยกพวกไปตีกันในโรงพยาบาล พาเพื่อนไปให้โดนข่มขืนก็ทำได้ และหลอกแม้กระทั่งว่า เอาความตายมาขายเพื่อให้คนบริจาคเงิน สิ่งเหล่านี้มันไม่เคยตกต่ำมาก่อนมากมาย คงจะเป็นเพราะสมองที่จะไปมองปัญหาแบบนี้ จะเข้าไปแก้ไขไม่มี เพราะมีแต่เวลาขัดแย้งกัน
จนเรียกว่า คนเนี่ยจะได้บทเรียนมั้ยเวลาเข้าอยู่ข้างไหน สีไหน แล้วก็เป็นพวกหัวรุนแรงจะเป็นยังไง นานไปเข้าก็ไม่ต้องไปรุนแรงกับใครแล้ว ขัดคอกันเองเลย ขัดแข้ง ขัดขา ขัดความก้าวหน้า จะแลนด์สไลด์คงฝืดไปพอสมควร เพราะโดนคำหนักๆว่า ถูกหลอก ถูกหลอกใช้แล้วก็ไม่ได้ให้อะไรตามที่ควรจะได้ เลยกลายเป็นเรื่องบาดหมาง ไม่มีคำว่า รวมตัวกันได้อีกต่อไป ต้องเรียกกันว่า ยุคนี้เป็นยุคที่เราเสียเวลากับความขัดแย้งกันมาตั้งนาน
แล้วความขัดแย้งก็ยังตั้งอยู่ ดับไปสักครู่หนึ่ง เดี๋ยวก็เกิดเรื่องโน้น เรื่องนี้มาปั่นป่วนในพรรคเดียวกัน พวกเดียวกันอย่างชนิดที่เรียกว่า เกือบมองหน้ากันไม่ติด แล้วจะร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาให้ชาติบ้านเมืองกันยังไง ก็เพราะมัวแต่จ้องจะเอาคืนกันบ้าง ไม่ได้คืนความดี ความงาม ความสงบ ความเจริญรุ่งเรืองให้บ้านเมือง มัวแต่ไปขัดแย้งกันซะเรื่อยๆ อุปัทวะ อุบัติเหตุในความขัดแย้งมีมากเท่าไร ขาดความสามัคคี ขาดความปรองดอง ขาดความรักใคร่ ร่วมไม้ ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจเพื่อจะแก้ไขปัญหาบ้านเมือง
มันก็ถูกแบ่งไปไว้เวลาเพื่อขัดแย้งเสียมากกว่าขัดเกลาปัญหาให้เบาบาง ตรงนี้เป็นเรื่องที่เมื่อติดตามคิดแล้วมันเหมือนกรรมของประเทศไทย อุตสาห์ทำบุญ ทำอะไรกันเพื่อปัดเป่าความเลวร้ายในบ้านเมือง ทำบุญให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่แล้วก็ยังไม่เห็นบ้านเมืองที่จะมีทางดีวัน ดีคืน มีแต่หนักข้อในความขัดแย้งเพิ่มวัน เพิ่มคืนขัดแย้งกันต่อไปเรื่อยๆ อันนี้ก็หวังว่า ใครที่เป็นต้นคิดแห่งความขัดแย้ง เปิดประเด็นความขัดแย้ง ลองคิดดูซิว่า ได้กับเสียมันคุ้มกันมั้ย หรือได้อย่างเดียว คือ ซะใจ
อาตมาขอฝากไว้ว่า ถึงเวลาบรรเทาบางบางความขัดแย้งกันได้แล้ว ขอให้มาร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมไม้ ร่วมมือ กระเพื่อมกระพือให้เศรษฐกิจดีขึ้น ความสงบ ศีลธรรมดีขึ้นจะได้ชื่นมื่นกันต่อไป
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login