- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ประชาชาติสายกลาง
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 3 ก.พ. 66)
ในคัมภีร์กุรอานมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า “ดังนั้น เรา(พระเจ้า)จึงได้ทำให้สูเจ้าเป็นประชาชาติสายกลางเพื่อที่ว่าสูเจ้าจะได้เป็นพยานต่อมนุษยชาติและศาสนทูตจะได้เป็นพยานต่อสูเจ้า (กุรอาน 2:143)
ข้อความนี้เป็นวจนะของพระเจ้าผ่านมาทางนบีมุฮัมมัดถึงมุสลิมที่อยู่ท่ามกลางพหุสังคมที่ผู้คนมีวัฒนธรรมและความเชื่อต่างกัน พระองค์จึงต้องการให้มุสลิมรวมตัวกันสร้างประชาคมสายกลางขึ้นมาโดยการนำทางของนบีมุฮัมมัดเพื่อให้ผู้คนได้เห็นเป็นทางเลือก
คำว่า “ประชาชาติ” ในภาษาอาหรับใช้คำว่า “อุมมะฮฺ” คำนี้หมายถึงประชาคมที่มิได้แบ่งแยกผู้คนโดยพิจารณาจากเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ สีผิว ภาษาหรือแหล่งกำเนิด แต่หมายถึงมนุษย์ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์หรือสีผิวใด หากมีความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวโดยไม่มีสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์และจะเชื่อฟังพระองค์ตามที่ประทานแก่นบีมุฮัมมัด คนผู้นั้นก็เป็นสมาชิกในประชาชาติมุสลิมและได้รับสิทธิทุกอย่างตามกฎหมายอิสลาม
ส่วนคำว่าสายกลางหรือมัชฌิมานั้นหมายความว่าสมาชิกของประชาชาติมุสลิมอยู่ในสายกลางจริงๆ ไม่สุดโต่งไปทางหนึ่งทางใดซึ่งจะเห็นได้จากสิ่งต่อไปนี้
ในเรื่องความเชื่อ มุสลิมมีความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวซึ่งเป็นความเชื่อที่อยู่ตรงกล่างระหว่างคนที่เชื่อว่าพระเจ้าไม่มีกับคนที่กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายหรือนับถือพระเจ้าหลายองค์
ในเรื่องแนวความคิดทางเศรษฐกิจ ลัทธิทุนนิยมมีแนวความคิดว่าทรัพยากรธรรมชาติเป็นของมนุษย์ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ความคิดเช่นนี้ทำให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบและการกอบโกยทรัพยากรซึ่งทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนนับวันมีแต่จะกว้างขึ้นเรื่อยๆ ส่วนลัทธิคอมมิวนิสต์มีแนวความคิดว่าทรัพยากรธรรมชาติเป็นของมนุษย์เช่นกัน ดังนั้น ทรัพยากรธรรมชาติจึงต้องถูกแบ่งสรรปันส่วนแก่มนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน
ส่วนอิสลามมีความเชื่อว่าทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ในแผ่นดินและชั้นฟ้าเป็นของพระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียมไว้ให้มนุษย์ ดังนั้น มนุษย์ต้องใช้ทรัพยากรเหล่านั้นตามความประสงค์ของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของ ในทางเศรษฐกิจ อิสลามยอมรับกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลที่มีอยู่ในลัทธิทุนนิยมในขณะที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ไม่ยอมรับ อิสลามยอมรับความแตกต่างทางด้านฐานะทางเศรษฐกิจของปัจเจกบุคคล แต่อิสลามสร้างระบบ “ซะกาต” (ภาษีศาสนา)ไว้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนรวยกับคนยากจน
ลัทธิคอมมิวนิสต์ปฏิเสธศาสนาทั้งความเชื่อและการปฏิบัติ ส่วนลัทธิเสรีนิยมถือว่าศาสนาเป็นเรื่องส่วนบุคคล ใครจะนับถือหรือไม่นับถือศาสนา ใครจะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติศาสนาเป็นเรื่องเสรีภาพส่วนบุคคล พิธีกรรมทางศาสนาเป็นเรื่องของพระหรือบาทหลวง แต่ในอิสลามไม่มีสถาบันนักบวช การปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาถือเป็นหน้าที่ของปัจเจกบุคคลและถือว่าการใช้ชีวิตประจำวันที่ดำเนินไปด้วยการทำตามที่พระเจ้าสั่งใช้และงดเว้นในสิ่งที่พระเจ้าสั่งห้ามเป็นการแสดงความเคารพสักการะพระเจ้านอกมัสยิด
You must be logged in to post a comment Login