- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ความตายคือประตูสู่โลกหน้า
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 17 ก.พ. 66)
ถ้ามนุษย์คนใดคลอดออกมามีชีวิต ทุกคนล้วนต้องผ่านกฎของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
บางคนเกิดมาแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ผ่านด่านความแก่และความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ตายเสียก่อน
บางคนผ่านด่านแก่ก่อนเจ็บ แต่บางคนผ่านด่านเจ็บก่อนแก่ จึงถึงด่านแห่งความตาย บางคนอยากตายและพยายามฆ่าตัวตาย แต่ไม่ได้ตายสมใจ บางคนไม่อยากตายและบางคนสุขภาพแข็งแรง แต่ความตายก็มาเยี่ยมโดยไม่บอกล่วงหน้า
หลายคนคิดว่าความตายเป็นจุดสุดท้ายของชีวิต ตายแล้วเป็นอันจบกัน ไม่มีโลกหลังความตายอย่างที่ทุกศาสนาสอน ความเชื่อเช่นนี้มีมาตั้งแต่โบราณแล้ว ใครที่เชื่อเช่นนี้ก็จะใช้ชีวิตอย่างเมามันและทำความชั่วได้สารพัดรูปแบบ เพราะถ้าเชื่อผิดก็คิดผิดและทำผิดโดยปริยาย
ความจริงแล้ว การเกิดและการตายมีอะไรที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง การเกิดคือการที่มนุษย์ผ่านโลกแห่งครรภ์มารดามายังโลกใบนี้ซึ่งเป็นโลกชั่วคราว ส่วนความตายก็คือการคลอดจากโลกนี้ไปยังโลกหลังความตายที่ตาเนื้อของมนุษย์มองไม่เห็นเหมือนทารกในครรภ์ที่มองไม่เห็นโลกหลังคลอด
การเกิดและการตายแตกต่างกันตรงที่มนุษย์เกิดมาบนโลกใบนี้โดยมีทั้งร่างกายและวิญญาณ รกที่ติดตัวมนุษย์มาจะถูกผู้ทำคลอดนำไปทิ้งหรือฝัง แต่การตายคือการคลอดทางวิญญาณจากครรภ์แห่งโลกนี้ไปยังโลกหน้า ร่างกายของมนุษย์ก็ไม่ต่างไปจากรกที่ถูกนำไปเผาหรือฝัง
ร่างกายจึงไม่ใช่ชีวิตที่แท้จริง แต่ชีวิตที่แท้จริงคือวิญญาณที่คอยบงการอวัยวะภายนอกของมนุษย์ให้ทำตามที่มันต้องการ ด้วยเหตุนี้ วิญญาณจึงต้องรับผิดชอบ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสองโลก โลกใบนี้ มนุษย์มาอยู่เพื่อไป แต่โลกหน้ามนุษย์ไปเพื่ออยู่ โลกใบนี้เป็นโลกชั่วคราว แต่โลกหน้าเป็นโลกนิรันดร์ ชะตากรรมของแต่ละชีวิตจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการกระทำหรือกรรมของมนุษย์ขณะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
ขณะอยู่ในครรภ์ ทารกมนุษย์ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเพราะยังไม่ได้ทำอะไรหรือยังไม่มีกรรม เมื่อคลอดออกมาเป็นทารกและเป็นเด็ก สมองยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ สติปัญญายังไม่มี พระเจ้าไม่เอาโทษ ถ้าตายในช่วงก่อนมีความรู้สึกทางเพศก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อกรรมที่ทำไป ทารกจึงไม่ต้องถูกลงโทษในนรก
ความตายจึงไม่ใช่จุดสุดท้ายของชีวิต ความตายเป็นเหมือนประตูที่เปิดให้วิญญาณซึ่งเป็นชีวิตที่แท้จริงก้าวผ่านออกไปสู่อีกโลกหนึ่ง ถ้าไม่ผ่านประตูนี้ วิญญาณก็ไม่สามารถเข้าไปสู่โลกหน้าได้เลย ในคัมภีร์กุรอานมีคำสอนที่กล่าวว่า “ทุกชีวิตจะได้ลิ้มรสความตาย” แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะได้ลิ้มรสชาติความตายเมื่อใด อย่างไรและที่ไหน เพราะเรื่องเกิดและตายเป็นสิทธิของพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว นี่คือเหตุผลที่ศาสนาพร่ำสอนมนุษย์ให้เตรียมตัวพร้อมเสมอก่อนความตายจะมาถึง
ความตายไม่เลือกอายุ เพศ ฐานะและไม่เลือกแม้กระทั่งคนดี เด็กและผู้ใหญ่ คนดีและคนชั่วอาจตายในเหตุการณ์เดียวกันอย่างเช่นในกรณีภัยพิบัติแผ่นดินไหวหรือในสงคราม นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ อิสลามถือว่าชีวิตมนุษย์เป็นของพระเจ้า พระองค์จะเอาชีวิตของมนุษย์กลับไปเมื่อใดด้วยวิธีการอย่างไรเป็นเรื่องพระประสงค์ของพระองค์ ถ้าพระองค์ไม่เอาชีวิตของใคร คนผู้นั้นก็ยังมีชีวิต
ใครเล่าจะเชื่อว่าชายชราอายุ 77 ปีและทารกเพิ่งคลอดใหม่ยังคงมีชีวิตในซากตึกที่พังถล่มในตุรกี
แต่ที่แน่นอนคือ ในฐานะที่พระเจ้าเป็นผู้ทรงยุติธรรม หลังความตาย อนาคตของคนดีและคนชั่วจะแตกต่างกัน เพราะในโลกหน้า มนุษย์จะเก็บเกี่ยวสิ่งที่ตัวเองได้หว่านไว้ในโลกนี้
บางที ภัยพิบัติทางธรรมชาติในรูปต่างๆอาจเป็นสัญญาณเตือนให้มนุษย์รู้ถึงความอ่อนแอของตัวเองเพื่อที่มนุษย์จะได้ไม่โอหังและบางทีอาจเป็นสัญญาณเตือนให้มนุษย์เห็นถึงพลังอำนาจของพระเจ้าก็เป็นได้
You must be logged in to post a comment Login