วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

“ 5 พรรคการเมือง” ไม่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย

On February 23, 2023

เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมากระแสข่าวของ”ชัยวุฒิ” รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส)ที่ออกมาพูดขอให้สังคมเลิกดีดจริต ดันบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย เก็บภาษีเข้าชาติ แก้ปัญหาส่วย ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้นทำให้คนเป็นที่คาใจของผู้คนในสังคมว่า ในเมื่อบุหรี่ไฟฟ้าได้ก่อโทษให้กับร่างกาย แล้วทำไมนักการเมืองถึงออกมาสนับสนุนเรื่องดังกล่าวให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย และในอนาคตอันใกล้นี้ประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งกันอีกครั้ง เรามาดูกันว่า นักการเมืองจากพรรคต่างจะผลัดดันให้บุหรี่ไฟฟ้ากลายสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

***”อนุทิน” ย้ำอย่าเปิดช่องให้บุหรี่ไฟฟ้า

ที่อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ซ.ศูนย์วิจัย สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ ร่วมกับ เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ เครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาปลอดบุหรี่ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการประชุม “มหกรรมวิชาการฟ้าใส 2566” ครั้งที่ 13 โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเปิดการประชุมว่า ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 ที่สำรวจพบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ไฟฟ้าเกือบ 80,000 คน และในจำนวนนี้มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุ 15-24 ปี แน่นอนว่าถ้าไม่รีบแก้ไขจะเกิดผลกระทบในวงกว้าง ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมีอำนาจกำกับดูแลโดยตรงให้มากขึ้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหา ไม่เช่นนั้นบุหรี่ไฟฟ้าจะกลายเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น เพราะเข้าใจผิดว่าสามารถทดแทนบุหรี่แบบปกติ ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ ซึ่งองค์การอนามัยโลกยืนยันแล้วว่าไม่จริง ทั้งนี้ ขอให้ภาคีเครือข่ายทุกท่าน ขับเคลื่อนรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ช่วยกันรณรงค์คุ้มครองสุขภาพของประชาชนให้ปลอดภัยจากโรคที่เกิดจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า

นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่ตนไม่สูบบุหรี่แล้วจึงไม่เห็นด้วยกับบุหรี่ไฟฟ้า แต่กรมควบคุมโรค และผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านเห็นตรงกันว่าไม่ควรเปิดช่องให้บุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้นขอฝากไปยังผู้เกี่ยวข้องที่พยายามเคลื่อนไหวผลักดันให้แก้ไขกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อบุหรี่ไฟฟ้าว่า อย่าพยายามเลย ตราบใดที่ตนยังดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข จะไม่ยอมให้ใช้สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ใดที่อันตรายต่อสุขภาพของคนไทยเป็นของถูกกฎหมายแน่นอน เพราะนิโคตินไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ไม่ดีต่อสุขภาพ นำมาสู่โรคมากมาย ซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคปอดอักเสบเฉียบพลัน

***เปิดเวทีเสวนา พรรคการเมืองขานรับไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้าถูกฏำหมาย

สำหรับ เวทีเสวนา “นโยบายพรรคการเมืองกับสุขภาพของประชาชนให้พ้นพิษภัยนิโคตินจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า” ได้มีผู้แทนจากพรรคการเมืองอย่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเสรีรวมไทยเข้าร่วมเวทีเสวนา เพื่อร่วมแสดงจุดยืนของพรรคในเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า และสุขภาพของคนไทยดังนี้


เริ่มกันที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า ตนเป็นอีกคนหนึ่งที่เคยสูบบุหรี่มาก่อน แต่มาเลิกได้เพราะปัญหาด้านสุขภาพ ที่เลิกๆได้ด้วยใจและปัญญา สำหรับนโยบายพรรค ซึ่งแม้เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า จะมีนักวิชาการนักวิจัยบางกลุ่ม หรือบริษัทต่างประเทศมาอ้างข้อดีบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งตนได้ศึกษาบอกได้เลยว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทางพรรคจะไม่มีวันยอมให้การนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยทางพรรคจะให้ความร่วมมือกับ 23 องค์กรอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐ ยังมีนโยบายดูแลสุขภาพดีทุกช่วงวัย ซึ่งจะมีเรื่องปลอดบุหรี่ด้วย เช่นนโยบาย “คุณแม่ บุตรธิดา ประชารัฐ” โดยการส่งเสริมคุณแม่มีรายได้ มีเงินสนับสนุนจากรัฐเดือนละ 10,000 บาทเป็นเวลา 5 เดือน เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และเมื่อคลอดแล้วก็จะให้เงินในการดูแลเด็กตั้งแต่ 1 ขวบไปจนถึง 6 ขวบ เดือนละ 3,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีผู้สูงวัยให้เบี้ยดูแลสุขภาพ 3,000 บาทต่อเดือน เมื่ออายุ 60ปี และเมื่อ 70 ปีได้ 4,000 บาท หากอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไปได้รับเบี้ยยังชีพ 5,000 บาท

นพ.เทียนชัย สุวรรณเพ็ญ ที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ ต้องสร้างเครือข่ายใหญ่กว่าทุกวันนี้ โดยเริ่มต้นครอบครัว ดูข้อมูลวิชาการต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร และใช้เวทีต่างๆ ครอบคลุมไปถึงโรงเรียน มหาวิทยาลัย เพื่อให้ความรู้ตระหนักถึงพิษของบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนเรื่องข้อมูลบุหรี่ไฟฟ้าที่ออกมาว่าไม่เป็นอันตราย กลับมีการออกมาซ้ำๆ จากไม่จริงจะกลายเป็นจริง ตรงนี้น่าห่วงมาก นอกจากนี้ตนสนับสนุนให้โรงเรียนมีนักจิตวิทยาและครูพละศึกษาประจำโรงเรียน เพื่อให้ช่วยทั้งเป็นที่ปรึกษา และให้เด็กๆ โดยเฉพาะวัยรุ่นหันมาเล่นกีฬา ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง ลดการไปพึ่งพาอบายมุข

ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวโดยสรุปว่า ถ้าพรรคคิดถึงผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กและเยาวชนหากไม่ไม่การควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับร่างกาย อวัยวะ รวมไปถึงจิตแพทย์ก็จะต้องมาช่วยในการบำบัดรักษามากขึ้น สิ่งเหล่านี้หากเกิดขึ้นเรื่อยๆจะกระทบต่อประเทศชาติ

“วันนี้พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคฝ่ายค้าน เราเฝ้าดูกฎหมายมาตลอดตั้งแต่ปี 2557 เราเพิ่งเห็นนายกฯ คิกออฟเปิดโรงเรียน ว่าคนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้าในปี 2566 กระทรวงศึกษาธิการก็เพิ่งมาประกาศอีก จึงตั้งคำถามว่าเรามาสร้างความตระหนักเรื่องนี้ช้าไปหรือไม่ แต่ไม่เป็นไร ทางพรรค หากได้เป็นรัฐบาล นายกฯจะเป็นประธานเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ให้เป็นวาระแห่งชาติ และขอเชิญทุกท่านที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยกันในการปกป้องสังคมในการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า หรือแม้แต่คนส่วนหนึ่งที่อาจต้องการใช้ ก็มาคุยกันว่า จะอยู่ร่วมกันอย่างไร รวมไปถึงการใช้กฎหมายอย่างไรให้เข้มงวด แต่จะทำได้เราต้องเป็นรัฐบาล” ทพญ.ศรีญาดา กล่าว

นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า พรรคประกาศนโยบายออกมาแล้ว 14 ข้อ ซึ่งไม่มีนโยบายข้อไหนที่ผลักดันเรื่องที่สุ่มเสี่ยงทำลายสุขภาพคนไทย โดยนโยบายหลักเรื่องสุขภาพ คือ บัตรประชาชนใบเดียวรักษาฟรีทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงโทษภัยไข้เจ็บเกี่ยวกับบุหรี่ และแน่นอนว่า เราไม่ผลักดันบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย ให้เข้ามาในประเทศ โดยมาตรการที่เราจะใช้ คือ ความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนำเข้า การจัดจำหน่าย เพราะเรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐ และพรรคเสรีรวมไทยโดดเด่นในการปราบปรามคอรัปชั่น จุดยืนพรรคเสรีรวมไทยเราเน้นสุขภาพเป็นหลัก อะไรสุ่มเสี่ยงเราไม่สนับสนุน

ทพ.อุดมศักดิ์ ศรีสุทิวา รองเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า พรรคเน้นนโยบายเชิงรุก ดังนั้น การรักษาที่ดีที่สุด คือต้องป้องกันก่อนเกิดโรค งบประมาณการรักษาตามสิทธิต่างๆ ภายใน 1 ปี ประมาณ 3.2 แสนล้านบาท หากหารออกมาเป็นรายบุคคลอยู่ที่ 4,900 บาทต่อคน แต่ทีดีอาร์ไอคาดการณ์ว่าอีก 15 ปีข้างหน้าจะมีค่ารักษาพยาบาลถึง 1.4 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่สังคมสูงอายุเต็มรูปแบบ จากปัญหานี้พรรคชาติไทยพัฒนาจึงมาทำนโยบายเชิงรุก ด้วยนโยบาย สุขภาพดีมีเงินคืน 3,000 บาท หมายความว่า หากภายใน 1 ปีสุขภาพดี ไม่เข้ารับการรักษาเลยจะมีเงินคืน 3,000 บาท ซึ่งหากไม่มีใครป่วยเลยจะใช้งบ 1 แสนกว่าล้านบาท ตัวเลขนี้เราทำได้ เพราะแค่ป่วยลดลงก็ช่วยทั้งสุขภาพ และค่าใช้จ่ายน้อยลง นอกจากนี้ เราเน้น ลด ละ เลิก และจะทำอย่างไรไม่ให้เยาวชนเข้าสู่วงการบุหรี่ พรรคเราชัดเจนแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ที่บ้าน หรือครอบครัว ที่โรงเรียน และภาครัฐ โดยครอบครัวต้องอบอุ่น มีนโยบายสร้างศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ทำให้ครอบครัวอบอุ่น เพราะหากลูกที่คลอดออกมาไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ไปอยู่กับปู่ย่าตายาย ส่วนใหญ่จะมีปัญหา จากที่เคยลงไปดูงานภาคหนึ่งพบปัญหาสังคมเยอะมาก ทั้งยาเสพติด อบายมุขทั้งหลาย ที่โรงเรียนต้องส่งเสริมให้ความรู้กับเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นตอนต้น เพราะเป็นช่วงอยากรู้อยากลอง ตรงนี้ทำได้จะป้องกันเยาวชนเข้าวงการบุหรี่มวน บุหรี่ไฟฟ้าได้ และภาครัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น บุหรี่ไฟฟ้ายังผิดกฎหมาย และต้องไม่ให้มีการลักลอบนำเข้า หาซื้อได้ อีกทั้ง ต้องดูแลเด็กเร่ร่อนให้เข้าสู่การศึกษา จะได้ป้องกันไม่ให้เข้าสู่วงการยาเสพติด และบุหรี่ สำหรับงบประมาณ เรายังขาดงบส่งเสริมสุขภาพหรือป้องกัน รัฐต้องแบ่งงบฯนี้เข้าไปสู่การส่งเสริมสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้น และขอย้ำว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ยินดีไม่ให้เด็กเข้าสู่บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า หรือยาเสพติด
ในอนาคตอันใกล้นี้ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งอีกครั้งใหญ่ ประชาชนคนไทยคงจะต้องจับตาดูกันว่าพรรคการเมืองใดจะอยู่เคียงข้างประชาชนในการต่อต้านเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนคนไทย


You must be logged in to post a comment Login