- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
ชนะความตายไม่ได้

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 3เม.ย. 66 )
สถานการณ์ทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งน่าติดตามว่า ใครขาขึ้น ใครขาลง บางช่วงทำแลดูว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีคะแนนดีขึ้น ได้แต้มมากขึ้น แต่ฝ่ายค้านบางพรรคก็มาแรงแซงหน้าใครต่อใครได้ บางพรรคจะแลนด์สไลด์ หรือจะสลบ ก็ยังมีคนล้อเล่นวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะเอา 300 เสียงน่าจะเกินคาดไปซักร้อยนึงอะไรทำนองนั้น 200 เสียงได้ก็บุญแล้ว นี่ก็มีการต่อว่า วิพากษ์วิจารณ์ว่า ใครจะได้เท่าไร
พรรคเล็ก พรรคน้อย หิ่งห้อยที่คอยเป็นไม้ประดับทุกปี ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง บางคนลงไปแล้วทุกรูป 19 ปี 10 รอบ ก็ไม่ได้กับเขา แต่พอถึงเวลาเลือกตั้งจะต้องร่วมด้วย อันนี้ก็น่าเห็นใจพรรคเล็ก พรรคน้อยที่เพิ่งเกิดใหม่ ถ้าเกิดแล้วแต่เหมือนไข่ที่ฟักไม่ออกตัว ฟักไม่เพิ่มปริมาณเป็นคอก เป็นฝูง มีแต่ว่า โผล่ๆขึ้นแล้วตายโครม เป็นไข่ตายโครม อันนี้ก็น่าสงสารเหมือนกัน บางคนก็ทุ่มจนหมดเนื้อ หมดตัว เหมือนกับเป็นโรคติดกระแสการเลือกตั้งกับเขาอย่างชนิดที่เอาจริงเอาจัง
แต่ไปไม่ถึงฝั่ง เพราะมีกล้วยน้อย ขอแจกน้อย ก็จอด แต่ของแจกเยอะแล้วมีอะไรเลอะเทอะขึ้นมา โดยคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ใครต่อใครจัดการเข้าอาการหนักเหมือนกัน
สรุปว่า ยังไงนักการเมืองดูๆบ้างน่ะ อย่าคิดเอาแต่ชนะอย่างเดียว แต่ชนะความตายไม่ได้น่ะ ดูซิ คุณชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นักการเมืองชื่อดัง อายุแค่ 55 ปี และยังแข็งแรงดีๆ อยู่ๆปุ๊บปั๊บไปแล้ว เหลือเอาไว้แต่ความดี ความไม่ดี ตามที่มีคนคิดวิพากษ์วิจารณ์กันไป บางคนบอกผลงานดี แต่ความประพฤติเรื่องเพศอะไรยังไม่ค่อยดีก็ว่ากันไป แต่เป็นเรื่องส่วนตัวเขา แต่ทำไงขอให้มีผลงานอะไรดีๆ อยู่ก็ขอให้เขารัก จากก็ขอให้เสียดาย ตายให้คิดถึงบ้าง
เรื่องการตายเป็นธรรมชาติชนิดหนึ่ง คนเราถ้าไม่คิดเรื่องเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่คิดว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า มีชีวิตอยู่ 100 ปี ก็ไม่ประเสริฐ แต่คนที่เฝ้ามอง เฝ้าดูว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา เขามีชีวิตอยู่วันเดียว เดือนเดียวก็ดีกว่าพวก 100 วัน 100 ปี ไม่มีสาระชีวิต ไม่รู้เลยว่า ชีวิตนี้มันเป็นของเสื่อมไป สิ้นไป และก็หมดไปในที่สุด
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login