วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ต้องชูนโยบายพระพุทธเจ้า

On April 10, 2023

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม         

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  10 เม.ย. 66 )

สถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังจะมีการเลือกตั้งใหม่ ทำให้บรรดานักการเมืองจากพรรคการเมืองต่างๆสมหวัง สมปรารถนา รอคอยการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง อันนี้เป็นเรื่องของความรอคอยที่เรียกกันว่า เป็นไปตามธรรมชาติก็มี แบบหิวกระหายเหนือธรรมชาติก็มี อันนี้เป็นเรื่องของมนุษย์ปุถุชน และกำลังกระหึ่มในการหาเสียงกันอย่างเข้มข้น และมีความมั่นอก มั่นใจกัน ส่วนใครจะมั่นใจใครเท่าไร ยังไง เชื่อว่า ตอนพูด ตอนหาเสียงมันต้องมีความมั่นใจ

ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่เต็มอก เต็มใจ มันไม่เต็มไม้ เต็มมือในการที่กระพือเสียงกระหึ่มของความเรียกร้อง ความศรัทธา โดยเฉพาะคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แกนนำกลุ่มสามมิตรที่ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาเร้ากระตุ้นตุ่มต่อมความรู้สึกที่อยากเห็นรัฐบาลแบบใหม่ ชุดใหม่ ถึงกับประกาศมั่นใจว่า คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคครอบครัวเพื่อไทย จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ต่อจากคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

นี่เป็นเรื่องของประโยคสำคัญๆของคุณสมศักดิ์ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการเมืองมานานที่ประกาศว่า ไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน มีแต่เป็นรัฐบาล ส่วนใครจะได้ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 จะแข่งขัน จะสปีดขึ้นมา หรือจะตกลงไป ซึ่งธรรมชาติที่เป็นสัจธรรมก็คือ ขึ้นๆลงๆ ขึ้นได้ ลงได้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป อันนี้เป็นธรรมชาติของสัจธรรมว่า ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ถาวรว่าจะต้องอยู่กับฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ อำนาจต้องเป็นของคนนั้น คนนี้เท่านั้น คนอื่นไม่มีโอกาสได้เป็น ตรงนี้เป็นเรื่องที่คาดการณ์กันไป

เรียกว่า มโนกันไปว่า จะได้เท่านั้นเสียง เท่านี้เสียง แต่เชื่อว่า ยังไงเสียประเทศไทยก็ขอฝากประชาชนคนไทยต้องรู้จักเลือกคน เอาคนที่มีความตั้งใจดีอย่างหนึ่ง และมีภูมิหลังที่ไม่มีอะไรเสียหาย เอาเข้ามาทำงานให้บ้านเมืองได้รุ่งเรือง เข็มแข็ง ได้พ้นภาวะวิกฤตบ้าง แต่ยังไงก็ตาม อาตมาเป็นพระยังต้องพูดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าว่า จะมีนโยบายยังไง ใครจะมาทำบ้านเมืองนี้ให้เศรษฐกิจดี ถนนหนทาง ไฟฟ้าประปาดี สังคมได้พ้นภาวะยากจน แต่จะพ้นภาวะชั่ว เลว บาปหรือเปล่า

เพราะฉะนั้น นโยบายของใครที่ทำอะไร ดียังไง ประเทศชาติ เศรษฐกิจ สังคม จะดียังไง ถ้าไม่มีการละความชั่ว อาตมาก็ยังเชื่อมั่นคำสอนพระพุทธเจ้าว่า ถ้าเติมละชั่วไปอีก ปัดบาปออกจากตัว ปัดชั่วออกจากใจ นี่เป็นนโยบายที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ในวันโอวาทปาฏิโมกข์ ข้อนี้ไม่รู้ว่า ใครจะมองเห็นหรือไม่เห็น แต่เรายังเชื่อมั่น 100 เปอร์เซ็นต์ เศรษฐกิจจะดียังไงก็ตาม ถ้าคนยังก่อคดีพร้อมๆกับเศรษฐกิจดี เบียดเบียนกัน ทำร้ายกันยังไม่หยุดหย่อน

วัยรุ่ยยังคึกคะนองปาขวด ปาระเบิด ตีต่อยกัน มันอาจเป็นตัวหนึ่งที่ไปทำลายเศรษฐกิจ ความสงบของสังคมไทย ดังนั้น อยากให้นักการเมืองช่วยกันเติมหน่อย นโยบายนี้ขาดไปหลายพรรค นโยบายปัดบาปออกจากตัว ปัดชั่วออกจากใจ แล้วเมืองไทยจะน่าอยู่กว่านี้เยอะ ถึงเศรษฐกิจจะไม่ดี 100 เปอร์เซ็นต์ แต่คนละชั่ว ละบาปได้ไม่ต้องมาก 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นแหละ ของคดีที่เกิดๆมาแล้วลดลงไปได้ซัก 50 เปอร์เซ็นต์ เบียดเบียนกัน ฆ่ากันน้อยลง ลักขโมยจี้ปล้น หลอกลวงต้มตุ๋นทรัพย์น้อยลง

รวมทั้งคดีทางเพศน้อยลง พูดจาหยาบหมิ่นดูถูก หยาบคายเพ้อเจ้อน้อยลง แล้วสุดท้ายสำคัญที่สุดเลย เหล้ายาน้อยลง เพราะคนละได้มาก อดได้มาก แน่นอนเลย เศรษฐกิจไม่ต้องขึ้นมาก แต่ความสงบสุข เรียกว่า สุขภาวะของประเทศเราจะเกิดขึ้นมาอย่างปาฎิหารย์ ทุกคนจะรู้สึกแปลกใจว่า ทำไมมีความสุข ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้มากขนาดนี้ ก็เพราะมีนโยบายของรัฐบาลใหม่พยายามดึงคนมารวมหัว รวมใจ ร่วมแรงในการละชั่ว ปัดบาป ปัดชั่วออกจากตัว จากใจนี่ มันจะเป็นประเทศศิวิไลซ์จริงๆ ขอให้เป็นอย่างกันเถอะ

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login