- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 5 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ต้องปรับยุทธศาสตร์สู้ค่าไฟ
คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 26 เม.ย. 66 )
ช่วงนี้ไม่มีอะไรที่ประชาชนจะเดือดร้อนเท่ากับค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อก่อนเราเคยได้ยินว่า ขาดน้ำอยู่ไม่ได้ ขาดไฟยังพออยู่ได้ แต่คราวนี้ไฟมันไม่ขาด แต่มันแพง พินาศสันตะโร แพงอย่างชนิดที่ไม่ควรจะถึงขึ้นนั้น โดยเฉพาะร้านอาหารมีข่าวว่า ค่าไฟพึ่งถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้รายได้จากการขายลดลง ทำให้ต้องลดจำนวนอาหารในจานลง และเตรียมที่จะขยับราคาขึ้น
ส่วนห้างสรรพสินค้า เขาบอกว่า คนจะมาเดินห้างจำนวนมาก เพราะมีแอร์ เรียกว่า ต้องการจะหลบร้อน ที่เขาเรียกว่า “หนีร้อน พึ่งเย็น” แต่จะพึ่งได้ยังไงในเมื่อมันพึ่งแล้ว มันก็เกิดการต้องจ่ายโน้น จ่ายนี่ จ่ายนั่น แต่ห้างไม่รู้จะไปกันรอดหรือเปล่า ถ้าค่าไฟขึ้นอย่างนี้ ค่าแอร์ต้องเปิดอย่างนั้น สินค้าในห้างน่าจะราคาขึ้นอีกเหมือนกัน พอไฟขึ้น อย่างอื่นมันน่าจะขึ้นตามมาอีกไม่ใช่น้อย โรงงานอะไรที่ผลิตส่วนใหญ่จะต้องใช้ไฟฟ้า
เพราะฉะนั้น เราจึงต้องบอกกันว่า ถึงเวลาแล้วที่มันต้องปรับยุทธศาสตร์อันใหม่ อย่ามัวไปโทษใครกันว่า ใครเป็นคนไปทำสัญญา ทำผิดพลาด โอกาส 7-8 ปี ก็ไม่ได้มีการแก้ไขปรับปรุงป้องกัน เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ต้องบอกกันว่า มันเกิดคาดที่เราจะมานึกถึงว่า ไฟมันเป็นไฟจริงๆ มันเป็นไฟร้อน ไม่ใช่ไฟเย็น เลยกลายเป็นเรื่องที่ต้องบอกกันว่า ตอนนี้ถ้ายังแก้ตัวนี้ไม่ตก ประชาชน เรียกว่า ต้องกระอักแน่ๆ
จะได้ทำอะไรกันแบบชนิดที่ทุกข์ทรมานกับการต้องเพิ่มรายจ่าย แล้วรายได้ก็ไม่เพิ่ม ตอนนี้ร้านค้า ร้านขายอะไรก็ยังบอกว่า ไม่ได้มีตัวเลขดีขึ้น เมื่อมันไม่ดีขึ้น แล้วเราจะมาทำยังไงกันล่ะที่จะทำให้ทุกอย่างมันต้องเข้าสู่ภาวะเขาเดินต่อไปได้ ถ้าค่าไฟอย่างนี้เดินยาก เดินไปล่มสลายเจ๊ง เดินไปเจ๊งหมดกับค่าไฟแล้วจะทำยัง มันเป็นเรื่องที่ต้องหาทางไวๆ ตอนนี้พรรคไหนๆก็พยายามที่จะนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหากันขึ้นมา
แต่ก็มีคนโชคดีที่คิดทำโซลาร์เซลล์ 3 แสนกว่าบาท แต่ประหยัดค่าไฟไปตั้งเป็นพันๆบาท ดังนั้น ตอนนี้ถ้า 1 พันไม่สามารถจะทำให้มันเกิดเปลี่ยนแปลงมาเป็นที่ต้องเรียกกันว่า ไม่ได้แล้ว เปลี่ยนแปลงมากถึงขั้นต้องเรียกว่า ขาดทุนกันระเนระนาดเกี่ยวกับการผลิตอะไรต่างๆ งานปีที่แต่ละวัดประดับไฟกันอย่างบ้าคลั่งก็คงจะต้องกระอัก จะต้องเปลี่ยนวิธีการจัดงานแบบใช้ไฟฟ้าน้อยที่สุด ไม่ควรที่จะใช้แบบชนิดที่มันเกินเหตุ เกิดควร
เรามาทบทวนกันใหม่มั้ย ถ้าอะไรที่ไม่จำเป็นต้องประหยัด อย่างที่เขาเคยมีวันหนึ่ง วันปิดไฟ ดับไฟ แล้วก็ประหยัดไปได้เยอะเหมือนกัน ฉะนั้น ต้องทำให้ผู้ที่ขายไฟต้องมาคิดทบทวนกันใหม่แล้วล่ะ และต่อไปนี้คนไทยก็ต้องอย่าหยุดยั้งการคิดทำโซลาร์เซลล์ใช้ เพราะว่า โซลาร์เซลล์ยังเป็นทางออกที่ค่อนข้างจะมั่นใจว่า ออกได้ และถ้าทำกันได้ มีการลงทุนให้ถึงที่สุด เสียดายสมัยหนึ่ง เขาเคยชวนกันทำโซลาร์เซลล์ แต่แล้วก็โกงกันจนหอบหนีไปต่อไหน มีคนขาดทุน
โดยเฉพาะเด็กที่วัดคนหนึ่งหมดไปเป็น 10 ล้าน นี่โกงกันซะ และรัฐบาลก็จะปล่อยให้ทหารอะไรต่ออะไรมาทำ พอโกงไปแล้วตามตัวไม่ได้ วอดวายกับเรื่องที่จะทำพลังงานไฟที่ใช้แสงแดด ต้นทุนจะไม่ได้ไม่กินมากเกินไป ลองย้อนยุคกลับมาดูอะไรที่เราจะทำได้ดีกว่าที่แล้วมาก็ทำกันต่อไป
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login