- อย่าไปอินPosted 13 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ม.มหิดลชี้ทางออกวิกฤติ ‘วัวแดง’ ใกล้สูญพันธุ์ เพาะเลี้ยงใหม่-บริหารจัดการคุณภาพ
“วัวแดง” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ในฐานะ “สัตว์ป่าคุ้มครองที่ใกล้สูญพันธุ์” ซึ่งพบมากที่สุดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จังหวัดอุทัยธานี และตาก ราว 500 ตัวในปัจจุบัน
ครั้งหนึ่ง “สลักพระ” เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตำบลวังด้ง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เคยอุดมไปด้วยสัตว์ป่าที่สวยงามอย่างเช่น “วัวแดง” ใน “ห้วยขาแข้ง” ก่อนต้องมาประสบภาวะ “สูญพันธุ์” จากพื้นที่ จากการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน และการลักลอบล่าสัตว์ป่า จึงได้นำไปสู่การริเริ่มเพาะพันธุ์วัวแดงเพื่อนำกลับคืนสู่ธรรมชาติอย่างอุดมสมบูรณ์อีกครั้งด้วยองค์ความรู้จากอาจารย์นักวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลในฐานะ “ปัญญาของแผ่นดิน” ร่วมกับประชากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รองศาสตราจารย์ ดร.รัตนวัฒน์ ไชยรัตน์ อาจารย์นักวิจัยประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อธิบายถึงลักษณะของ “วัวแดง” ว่ามีความโดดเด่นสวยงามจากสีขนน้ำตาลแดงในขณะยังไม่โตเต็มวัย ก่อนเปลี่ยนเป็นสีดำคล้าย “กระทิง” เมื่อตัวผู้โตเต็มวัย แต่แตกต่างจาก “กระทิง” ตรงที่ “กระทิง” ไม่มีวงก้นขาวอย่าง “วัวแดง” และดูดุดันกว่าเมื่อยามตื่นตระหนก
นอกจากวงก้นขาวแล้ว “วัวแดง” ยังมีวงรอบปากขาว วงตาขาว และขนสีดำบริเวณหลัง ตลอดจนขาทั้ง 4 ข้างคล้ายใส่ถุงเท้าขาว ซึ่งทำให้ดูแตกต่างจากวัวทั่วไปอีกด้วย
รองศาสตราจารย์ ดร.รัตนวัฒน์ ไชยรัตน์ ได้เป็นกำลังสำคัญในการเพาะเลี้ยง “วัวแดง” ก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ และการใช้ “กล้องถ่ายภาพสัตว์” ติดตามการขยายพันธุ์ตามธรรมชาติหลังจากที่ปล่อยไป ปัจจุบันได้ทำให้ “วัวแดง” ที่ปล่อยไป 19 ตัว มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 28 ตัว
เทคนิคการเพาะเลี้ยง “วัวแดง” อยู่ที่การคัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์ในวัยเจริญพันธุ์ 3 – 4 ปี ซึ่งมีลักษณะสมส่วน เขาไม่บิดเบี้ยว และไม่ผสมพันธุ์ในสายเลือดเดียวกัน เลี้ยงด้วยพืชตามธรรมชาติ เสริมด้วยดินโป่ง ซึ่งก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติจะมีการคัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์เก็บไว้เพาะเพิ่มจำนวนเพื่อการอนุรักษ์ต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้ใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เป็นนวัตกรรมในการจัดการดูแล “วัวแดง” ซึ่งนอกจากการเพาะพันธุ์เพื่อเยียวยาภาวะใกล้สูญพันธุ์แล้ว ยังได้ติดตามความเป็นอยู่ของ “วัวแดง” หลังปล่อยคืนสู่ธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อการวางแผนการจัดการที่มีประสิทธิภาพต่อไป
นับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้องค์ความรู้ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์ “วัวแดง” หลังจากที่ผ่านมายังไม่มีการศึกษาอย่างจริงจังมาก่อน และน่ายินดีที่ต่อมาโครงการวิจัยฯ ได้รับความสนใจจากองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF – World Wide Fund for Nature) และสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอนประจำประเทศไทย (ZSL – Zoological Society of London-Thailand) ให้การสนับสนุน และต่อยอดวิจัย “วัวแดง” ไทย – อินโดนีเซียแบบคู่ขนาน
ในอนาคตเราอาจเห็น “วัวแดงไทย” ได้รับพัฒนาสู่การเป็น “สัตว์เศรษฐกิจ” เช่นเดียวกับ “วัวแดงอินโดนีเซีย” แต่ในความเป็นจริง “วัวแดงไทย” ในปัจจุบันยังคงจัดเป็น “สัตว์ป่าคุ้มครอง” ที่มีการกำหนดบทลงโทษไว้อย่างชัดเจนสำหรับผู้ลักลอบล่า จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้บนพื้นฐานของการจัดการที่เหมาะสมต่อไป
You must be logged in to post a comment Login