วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ฮัจญ์ : ที่มาและการปฏิบัติก่อนหน้าอิสลาม

On June 30, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่    30  มิ.ย.  66 )

เมื่ออับราฮัม(นบีอิบรอฮีม)ได้รับคำบัญชาจากพระเจ้าให้สร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺหรือบัยตุลลอฮฺ(บ้านของพระเจ้า)ในหุบเขาบักก๊ะฮฺเพื่อเป็นสถานที่เคารพสักการะพระองค์  เขากับอิสมาอีลบุตรชายหัวปีได้ปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์จนเสร็จสิ้น

เมื่อสร้างเสร็จแล้ว  อับราฮัมได้แสดงความถ่อมตนด้วยการวิงวอนต่อพระเจ้าให้รับงานที่เขาทำตามคำบัญชาของพระองค์  ไม่เพียงเท่านั้น  ในเมื่อพระเจ้าต้องการให้ก๊ะอฺบ๊ะฮฺเป็นสถานที่เคารพสักการะพระองค์  แต่เขาไม่รู้วิธี  เขาจึงวิงวอนต่อพระองค์ให้บอกถึงวิธีการที่พระองค์ทรงประสงค์

พระเจ้าจึงได้บอกวิธีการละหมาดและการทำฮัจญ์แก่เขา  และสั่งเขาให้ออกไปเรียกร้องเชิญชวนผู้คนมาแสดงความเคารพสักการะพระองค์ยังสถานที่แห่งนี้  ในเวลานั้น  แผ่นดินอาหรับและหุบเขาบักก๊ะฮฺแทบไม่มีผู้คนให้เห็น  อับราฮัมจึงสงสัยว่าเขาจะไปเชิญชวนใครมายังสถานที่แห่งนี้ แต่พระเจ้าได้บอกเขาว่าเขามีหน้าที่เชิญชวน  ส่วนเรื่องจะให้ใครมายังสถานที่แห่งนี้เป็นเรื่องของพระองค์

นับแต่นั้นมา  เมื่อหุบเขาบักก๊ะฮฺมีบ่อน้ำซัมซัมและมีผู้คนเข้ามา  ชุมชนก็เกิดขึ้นจนกลายเป็นเมืองมักก๊ะฮฺในที่สุด

เมื่ออับราฮัมจากไป  อิสมาอีลได้สืบทอดภารกิจของอับราฮัมในการสอนผู้คนให้ละหมาดและทำพิธีฮัจญ์  แต่เมื่ออิสมาอีลจากไป  ชาวอาหรับได้หลงลืมการเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียวที่อับราฮัมสอนไว้จนถึงกับนำเอารูปเคารพมากมายมาตั้งรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺและกราบไหว้บูชารูปเคารพเหล่านั้นแทนพระเจ้า  เมื่อเป็นเช่นนี้  วิธีการทำฮัจญ์ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย

เมื่อเดือนทำฮัจญ์มาถึง  ชาวอาหรับเผ่าใหญ่พร้อมกับเผ่าบริวารและเผ่าพันธมิตรจะมาตั้งค่ายพักอยู่รอบเมืองมักก๊ะฮฺโดยแยกจากกัน  เมื่อการทำฮัจญ์เริ่มขึ้น  หัวหน้าเผ่าต่างๆจะแข่งขันกันแสดงความโอบอ้อมอารีเพื่อให้ผู้คนร่ำลือว่าตัวเองเป็นคนใจบุญโดยการเอาหม้อขนาดใหญ่มาตั้ง หลังจากนั้นก็เชือดอูฐและน้ำเนื้อไปปรุงในหม้อเพื่อแจกจ่ายให้แก่ผู้มาทำฮัจญ์  ส่วนเลือดของอูฐ  ชาวอาหรับจะนำไปสาดบนกำแพงก๊ะอฺบ๊ะฮฺด้วยความเชื่อว่าพระเจ้าต้องการเลือดและเนื้อของสัตว์ที่ตัวเองเชือดพลี  ในช่วงพิธีฮัจญ์   มักก๊ะฮฺจะเป็นเหมือนแหล่งเริงรมย์ที่เต็มไปด้วยการร้องเพลง  การดื่มสิ่งมึนเมา  การผิดประเวณีและกิจกรรมที่เสื่อมศีลธรรมโดยไม่มีใครนึกถึงพระเจ้าที่แท้จริง

พิธีเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺซึ่งถือเป็นพิธีสำคัญถูกลดความสำคัญลงมาจนเป็นเหมือนกับเวทีละครสัตว์  ผู้หญิงและผู้ชายจากบางเผ่าเดินเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺในสภาพเปลือยกายโดยกล่าวว่า “เราจะกลับไปหาพระเจ้าในสภาพเดียวกับที่แม่ของเราคลอดเรามา”  ในการละหมาดและการวิงวอนขอพรมีการปรบมือ ผิวปากและเป่าเขาสัตว์

แม้แต่คำกล่าวเริ่มต้นการทำพิธีฮัจญ์ซึ่งมุสลิมกล่าวในปัจจุบันนี้ว่า “ข้าพระองค์มาอยู่ต่อหน้าพระองค์แล้ว  ไม่มีสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์”  ชาวอาหรับก่อนหน้าอิสลามที่มาทำฮัจญ์ได้บิดเบือนถ้อยคำให้มีความหมายว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นภาคีกับพระองค์ยกเว้นผู้ที่พระองค์ทรงอนุญาต  พระองค์เป็นนายของเขาและเป็นนายของสิ่งที่เขาครอบครอง”

ความเชื่อในโชคลางไสยศาสตร์ทำให้ชาวอาหรับที่ออกจากบ้านเพื่อไปทำฮัจญ์แล้วจะไม่กลับเข้าบ้านทางประตูหน้า  แต่จะเข้าทางประตูหลัง  ระหว่างการเดินทาง  การค้าขายเพื่อยังชีพถือเป็นที่ต้องห้าม  บางคนละเว้นจากการกินและการดื่มระหว่างการทำฮัจญ์โดยถือว่าการทำเช่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติศาสนกิจ  บางคนไม่พูดกับใครเลยตั้งแต่เริ่มต้นจนจบพิธีฮัจญ์

พิธีฮัจญ์ที่ถูกบิดเบือนไปจากเดิมหลังสมัยอิสมาอีลดำเนินต่อเนื่องมาเป็นเวลาประมาณ 2,500 ปี  เมื่อนบีมุฮัมมัดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูตนำคำสอนของพระเจ้ามายังมนุษยชาติเมื่อประมาณ 1,400 ปีที่แล้ว  การทำพิธีฮัจญ์ได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าโดยนบีมุฮัมมัดได้ปฏิบัติให้เห็นเป็นแบบอย่างเพื่อให้สาวกผู้ศรัทธาปฏิบัติสืบต่อไปจนถึงวันสิ้นโลก


You must be logged in to post a comment Login