- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 1 day ago
- อย่าไปอินPosted 4 days ago
- ปีดับคนดังPosted 5 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 6 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 1 week ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
อนิจจังทางการเมือง
คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 4 ส.ค. 66 )
เมื่อ”ข้าวต้มมัด” และ “เอ็มโอยู” อะไรต่างๆ อยู่ ไม่อยู่ ยื้อไม่อยู่ รัดไม่อยู่ ก็หลุดกระเด็นออกจากกันไปคนละทาง จะเป็นฝ่ายรัฐบาลทางหนึ่ง ฝ่ายค้านทางหนึ่ง นั่นก็คือ เรื่องของอนิจจังทางการเมือง มันไม่มีอะไรเที่ยงแท้ แน่นอน ถาวร ตลอดกาล วันนี้รัก พรุ่งนี้ชัง วันนี้ชอบ พรุ่งนี้เบื่อที่จะอยู่ด้วยกัน เพราะเหตุผลอย่างโน้น อย่างนี้ อย่างนั้น มันเข้ามาแทรก แต่ที่แย่ที่สุด คือ ประเทศชาติ และประชาชน จะต้องคิดพึ่งตัวเองกันให้ดี
อย่าไปคิดว่า รัฐบาลนี้สำเร็จแล้ว เราจะดีทุกอย่างได้ ต้องพยายามคิดว่า ดีที่เรา ดีกว่าไปมีดีที่เขา พึ่งเราดีกว่าไปพึ่งใครต่อใครให้มันวุ่นวายไปเปล่าๆ หัดมาอยู่กับตัวเอง อยู่กับครอบครัวที่จะทำให้มันมั่นคงได้ยังไง รัฐบาล การเมืองไม่มั่นคง ไม่มีอะไรที่จะเป็นไปตามลักษณะที่ว่า ครรลองคลองธรรม ต้องมีอยู่ในชีวิตนี้บ้าง ถ้าไม่มีครรลอง คลองธรรม มันก็คลองใจกันไม่ได้นาน ครองประเทศชาติก็ลำบากยุ่งยาก จึงอยากจะบอกว่า ถึงเวลาที่เราจะต้องเชื่อมั่นว่า ประเทศต้องไปได้
ถ้าทุกคนรักผู้อื่น ท่านบอกต้นทุนที่จะค้ำจุนให้ชาติบ้านเมืองไปได้ ก้าวหน้าได้ ศีลธรรมก็เหมือนกัน ต้องมีต้นทุนที่รักผู้อื่น หลวงพ่อพุทธทาสเคยพูดว่า หัวใจของทุกศาสนาอยู่ที่รักผู้อื่น ถ้าไม่รักผู้อื่นมันก็แน่นอน ตระบัดสัตย์ ไม่ซื่อสัตย์ ถ้าไม่รักผู้อื่น มันก็เห็นแก่ตัว เอาตัวรอดไปคนละแบบ คนละอย่าง เพราะฉะนั้นการที่จะรักผู้อื่นนี้เป็นต้นทุนในการครองบ้าน ครองเมือง ถ้าลองเกลียดกันแล้วไม่มีทาง ทั้งหมด หมดสุข เพราะมีเกลียด เกลียดพรรคโน้น เกลียดพรรคนี้ เกลียดลุงนั้น เกลียดลุงนี้
ในที่สุด บ้านเมืองมาพัง เพราะการอ้างว่า ลุงนั้น ลุงนี้กันหรือเปล่า ถ้าหากว่า ลุงไม่มีอยู่ในโลกนี้ ถามว่า ประเทศไทยมันจะหยุดทะเลาะกันมั้ย ไม่มีทาง คนเรามันยังมีเกลียด เดี๋ยวก็ไปเกลียดรายอื่นต่อ คนอื่นต่อ อย่างชนิดที่รักกันไม่เป็น แล้วก็อยู่เย็นกันไม่ได้ ถนัดต่อการเกลียดกัน แต่ไม่ถนัดในการรักกัน เมืองไทยปลุกให้เกลียดง่าย แต่ปลุกให้รัก ให้สามัคคี เรียกว่า ปลุกยาก ปลุกเย็น เพราะนั้น จึงหวังว่า ถ้าไม่ปลุกระดมให้รักผู้อื่นบ้าง มันจะมีการตระบัดสัตย์ เนรคุณ ทำร้าย
ตอนนี้เราเห็นบ้านเมืองมีการทำร้ายกัน กลางวันแสกๆตีกันที่นั่น ที่นี่ ก็เพราะไม่มีความรักผู้อื่นหลงค้างอยู่ในหัวใจ เก็บตุนไว้แต่ความเกลียด ความชัง ความไม่ชอบ เลยต้องบอบช้ำกับความไม่ชอบนี่แหละ ขอให้กลับมาเปลี่ยนจากชังมาเป็นชอบ มารักผู้อื่น ทุกอย่างก็จะชื่นมื่นเอง
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login