วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

กรมควบคุมโรคผนึกสสส.-พันธมิตร พัฒนาศักยภาพการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

On August 22, 2023

กรมควบคุมโรค ผนึก สสส. สปสส. สภาการสาธารณสุขชุมชน ม.กรุงเทพธนบุรี  ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “พัฒนาศักยภาพการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อการบริการป้องกันและบำบัดรักษา สำหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)” สสส. เผย รายงานพบนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น เร่งสร้างความตระหนักรู้โทษน้ำเมา พร้อมค้นหาผู้ติดสุรา ให้บริการปรึกษาเลิกเหล้า ส่งบำบัด

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นพ.นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สภาการสาธารณสุขชุมชน มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และหน่วยวิชาการเครือข่ายนักสาธารณสุขจัดการปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ (สปสส.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “พัฒนาศักยภาพการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อการบริการป้องกันและบำบัดรักษา สำหรับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.)” เพื่อพัฒนาศักยภาพการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการบริการป้องกันและบำบัดรักษาสำหรับ รพ.สต. ให้แก่ วิชาชีพนักสาธารณสุขชุมชน เพื่อผลักดันให้เกิดการดำเนินงานในระดับพื้นที่

“ปัจจุบันระบบสุขภาพในพื้นที่ได้มีการถ่ายโอนอำนาจการบริหารรพ.สต. จากกระทรวงสาธารณสุขไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกำกับของกระทรวงมหาดไทย โดยรพ.สต.เป็นหน่วยบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้ชิดชุมชน และบทบาทของวิชาชีพนักสาธารณสุขชุมชน สามารถให้บริการ ค้นหาคัดกรอง ให้คำแนะนำ/คำปรึกษาแบบสั้น ให้แก่ผู้มีปัญหาจากการดื่มแอลกอฮอล์ การสร้างแรงจูงใจเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ดื่ม และสามารถส่งต่อผู้มีปัญหาจากการดื่มและอาการถอนพิษสุรา ไปยังหน่วยบริการในระดับที่สูงขึ้น ตลอดจนการสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานอื่น ๆ ในพื้นที่เพื่อพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งและลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลงได้” รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกรายงานข้อมูลปี 2565 พบการใช้แอลกอฮอล์เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคและการบาดเจ็บมากกว่า 200 กรณี โดยทั่วโลกมีคนเสียชีวิตปีละ 3 ล้านคน ซึ่งเป็นผลจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเป็นอันตราย ซึ่งคิดเป็น 5.3% ของการเสียชีวิตทั้งหมด สำหรับสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยในปี  2564 สำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ความชุกของการดื่มแอลกอฮอล์ในประชากรไทยเท่ากับร้อยละ 28 เกือบ 3 ใน 10 ของประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน 12 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น การควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงนับเป็นงานสาธารณสุขที่สำคัญเรื่องหนึ่งที่ต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เล็งเห็นถึงความสำคัญของวิชาชีพสาธารณสุขชุมชนที่เป็นวิชาชีพที่ทำงานสุขภาพกับประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง จึงได้มีการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่นักสาธารณสุข เพื่อผลักดันให้เกิดการดำเนินงานในระดับพื้นที่

นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม  ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เกิดปัญหาทั้งทางด้านสาธารณสุขและสังคม ผลสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564  พบสถานการณ์การดื่มของคนไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีขึ้น มีผู้ที่เคยดื่มหนักในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา 5.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 10  ซึ่งมีแนวโน้มลดลงมาโดยตลอดจากร้อยละ 14 ในปี 2557 แต่พบว่านักดื่มหน้าใหม่ช่วงอายุ 15-19 ปี มากถึงร้อยละ 30.8 ช่วงอายุ 20-24 ปี ร้อยละ 53.3 ที่สำคัญพบนักดื่มเพศหญิงเพิ่มขึ้น 4 เท่าเมื่อเทียบจากปี 2560 สถานการณ์นี้ส่งผลให้ต้องเร่งหามาตรการควบคุมป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ โดย สสส. และภาคีเครือข่าย จะเร่งสร้างความตระหนักรู้เรื่องโทษของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ประชาชน ดำเนินงานคู่ขนานกับการคัดกรองผู้ที่มีปัญหาจากการดื่ม เพื่อให้คำแนะนำ ปรึกษาการเลิกดื่ม ตลอดจนการบำบัดรักษาและฟื้นฟู ทั้งนี้ การลงนามความร่วมมือครั้งถือถือเป็นการดำเนินงานเชิงรุกในการส่งเสริมศักยภาพของนักสาธารณสุขชุมชนให้สามารถป้องกันและบำบัดผู้มีปัญหาสุราในชุมชนทั่วประเทศ

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมอบรมพัฒนาศักยภาพด้านการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยความร่วมมือจากสภาการสาธารณสุขชุมชน มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี สสส. และสปสส. ให้กับนักสาธารณสุข ซึ่งเป็นสมาชิกสภาการสาธารณสุขชุมชนและผู้ประกอบวิชาชีพ การสาธารณสุขชุมชนที่เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 5 รุ่น รุ่นละ 2,500 คน ให้มีองค์ความรู้ พัฒนาต่อยอดได้และเพิ่มศักยภาพในการทำงานด้านการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพื้นที่ ทำงานสอดประสานร่วมกัน ขับเคลื่อนขบวนการสร้างเสริมสุขภาพที่ทำให้ทุกคนในสังคมไทย มีสุขภาพดีครบทั้ง 4 ด้าน ทั้งกาย จิต ปัญญา และสังคมพร้อมทั้งให้บริการวิชาการแก่สังคม และชุมชนอย่างทั่วถึง สอดคล้องไปกับการขับเคลื่อนงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์    ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551


You must be logged in to post a comment Login