- ปีดับคนดังPosted 10 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
การข่มเหงทางศาสนาก่อนหน้าอิสลาม
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 25 ส.ค. 66 )
ก่อนหน้าสมัยนบีมุฮัมมัด แผ่นดินอาหรับมีกลุ่มชนหลักๆที่มีความเชื่อต่างกันอยู่สามกลุ่ม กลุ่มใหญ่ที่สุดคือกลุ่มชาวอาหรับที่เชื่อในเรื่องโชคลางไสยศาสตร์ กราบไหว้บูชารูปเคารพมากมาย ศูนย์กลางความเชื่อของชาวอาหรับกลุ่มนี้อยู่ที่เมืองมักก๊ะฮ
กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มชาวยิวที่นับถือศาสนายูดาย คนกลุ่มนี้มิใช่อาหรับ แต่อพยพหนีภัยสงครามจากเยรูซาเล็มมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองยัษริบห่างจากเมืองมักก๊ะฮฺไปทางตอนเหนือประมาณ 400 กิโลเมตร
กลุ่มที่สามเป็นกลุ่มชนชาวอาหรับและชาวเยเมนที่นับถือศาสนาคริสต์ มีศูนย์กลางอยู่ที่แคว้นนัจญ์รอนทางตอนใต้ของคาบสมุทรอาหรับใกล้กับเยเมนปัจจุบัน
แม้จะเป็นอริกันทางความเชื่อ แต่ทั้งชาวยิวและชาวคริสเตียนในคาบสมุทรพยายามเผยแผ่ศาสนาเพื่อชักชวนให้ชาวอาหรับหันมานับถือศาสนาของตน
ประมาณห้าสิบปีก่อนนบีมุฮัมมัดถือกำเนิด ซูนูวาสผู้ปกครองทางตอนใต้ของแผ่นดินอาหรับได้หันมานับถือศาสนายูดายและพยายามชักชวนผู้คนให้หันมานับถือศาสนายูดาย แต่ชาวเมืองส่วนใหญ่ที่เป็นชาวคริสเตียนไม่ยอมเปลี่ยนความเชื่อของตน ซูนูวาสจึงใช้วิธีการที่รุนแรงและเหี้ยมโหด เขาขุดหลุมยาวเท่าความสูงของคนและจุดไฟไว้ที่ก้นหลุม หลังจากนั้น เขาบังคับคนที่ไม่ยอมรับความเชื่อของเขามายืนที่ปากหลุมและให้โอกาสตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนความเชื่อของตนหรือไม่
คนที่ศรัทธาไม่เข้มแข็งและกลัวตายต้องยอมเปลี่ยนศาสนาของตน ส่วนใครที่มีความศรัทธาเข้มแข็งก็ยอมตายในหลุมไฟ คนที่ยอมตายในหลุมไฟเพื่อรักษาความศรัทธาของตนไว้นี้ถูกเรียกว่า “ชาวหลุมไฟ” ซึ่งมีกล่าวไว้ทั้งในประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์และอิสลาม
เมื่อการกดขี่ข่มเหงทางศาสนารุนแรงถึงขนาดนี้ ชาวคริสเตียนคนหนึ่งจึงหนีข้ามทะเลแดงไปยังอาณาจักรอักซุมเพื่อขอความช่วยเหลือจากนะญาชีย์ผู้ปกครองอาณาจักรที่เป็นคริสเตียน อาณาจักรอักซุมตั้งอยู่ในประเทศเอธิโอเปียและเอริเธรียในปัจจุบัน ในเวลานั้น อาณาจักรอักซุมเป็นอาณาจักรคริสเตียน และอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของจักรพรรดิแห่งอาณาจักรไบแซนติน
เมื่อได้รับคำร้องขอให้ช่วยเหลือชาวคริสเตียนในแผ่นดินอาหรับที่ถูกกดขี่ กษัตริย์แห่งอักซุมจึงขอความช่วยเหลือไปทางจักรพรรดิไบแซนตินและได้รับความช่วยเหลือทางทหารในรูปของกองเรือและทหารจำนวนหนึ่งเพื่อใช้ลำเลียงทหารมายังแผ่นดินอาหรับ
เมื่อความช่วยเหลือมาถึง กษัตริย์แห่งอักซุมได้แต่งตั้งแม่ทัพสองคนชื่ออับรอฮะและอารยาตให้นำทหารข้ามทะเลแดงมาช่วยชาวคริสเตียนให้พ้นจากการถูกกดขี่ เมื่อซูนูวาสพ่ายแพ้และชาวคริสเตียนได้รับความช่วยเหลือแล้ว อับรอฮะและอารยาตยังคงอยู่ในเยเมนเพื่อให้แน่ใจว่าชาวคริสเตียนจะไม่ถูกข่มเหงรังแกเพราะความเชื่ออีก
หลังจากแน่ใจว่าชาวคริสเตียนได้รับความสงบปลอดภัย มีเสรีภาพในการปฏิบัติศาสนาของตน อารยาตถือว่าภารกิจที่ตัวเองได้รับมอบหมายมาสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว เขาจึงปรึกษากับอับรอฮะว่าควรจะกลับไปยังอาณาจักรอักซุมได้แล้ว แต่อับรอฮะรู้สึกว่าเขามีความสุข มีความมั่งคั่งและได้รับเกียรติจากชาวเมืองเยเมน เขาจึงอยากอยู่ต่อ แต่อารยาตไม่เห็นด้วย สองแม่ทัพจึงเกิดความขัดแย้งกัน ในที่สุด อารยาตได้ถูกอับรอฮะสังหารและอับรอฮะได้ประกาศตัวเป็นกษัตริย์แห่งเยเมน
You must be logged in to post a comment Login