- อ.เบียร์ช่วยวัดสวนแก้วPosted 1 hour ago
- เลิกเสียเงินกับเรื่องโง่ๆPosted 1 day ago
- ปัญหายาเสพติดวาระแห่งชาติPosted 2 days ago
- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 3 days ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 4 days ago
- อย่าไปอินPosted 1 week ago
- ปีดับคนดังPosted 1 week ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 week ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 1 week ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 2 weeks ago
เอ็นไอเอ ส่ง The Next Change Maker 5 นำเสนอต้นแบบข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบาย พัฒนาศักยภาพ-ต่อยอดได้จริง
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) จัดการอบรม PPCIL รุ่นที่ 5 เพื่อพัฒนาและสร้างศักยภาพของกลุ่มผู้บริหารระดับกลางที่จะเติบโตไปเป็นผู้นำระดับสูง สร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ หรือ ‘The Next Change Maker’ พร้อมนำเสนอต้นแบบข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบาย พร้อมนำไปปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนประเทศต่อไป
หลักสูตร PPCIL (Public and Private Chief Innovation Leadership) สร้างขึ้นเพื่อพัฒนาและสร้างศักยภาพของกลุ่มผู้บริหารระดับกลางที่จะเติบโตไปเป็นผู้นำระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ความมั่นคง การเมือง และสื่อมวลชน เพื่อวางรากฐานการคิดนวัตกรรมนโยบาย และส่งเสริมให้เกิดการสร้างเครือข่าย รวมถึงสร้างการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดในอนาคต นำไปสู่การขับเคลื่อนและผลักดันนวัตกรรมระดับประเทศ โดยปีนี้หลักสูตร PPCIL ได้จัดเป็นรุ่นที่ 5 โดยมีผู้นำการเปลี่ยนแปลงสำเร็จหลักสูตรฯ จำนวน 84 ราย จาก 5 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคความมั่นคง ภาคสื่อสารมวลชน และสมาคมวิชาชีพองค์กรอิสระ
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า “หลักสูตร PPCIL มีเป้าหมายที่จะสร้าง The Next Change Maker ที่สามารถสร้างนวัตกรรมนโยบาย โดยอาศัยแนวทางการคาดการณ์และการคิดเชิงอนาคต (Foresight) ร่วมกับหลักการออกแบบนโยบาย (Policy Design) ที่ต้องเข้าใจบทบาทของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้สร้างแนวปฏิบัติของความร่วมมือรูปแบบใหม่ (Collaborative) สร้างผลลัพธ์ใหม่ โดยผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ทักษะสำคัญคือ “การคิดเชิงนวัตกรรม” คือความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่สามารถแก้ปัญหาได้จริง สามารถนำไปต่อยอดได้
โดยตลอด 11 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เข้าอบรมทั้ง 84 รายได้รับการพัฒนาศักยภาพด้วยเครื่องมือและเนื้อหาที่เข้มข้น ซึ่งในวันสุดท้ายของหลักสูตร ผู้เข้าอบรมได้นำเสนอ ข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบาย ทั้งหมด 5 ข้อเสนอ ที่ครอบคลุม 4 ประเด็น ได้แก่ (1) นวัตกรรมกำลังคน (2) นวัตกรรมสังคม (3) นวัตกรรมด้านสาธารณสุข และ (4) นวัตกรรมเศรษฐกิจ ซึ่ง 5 ต้นแบบข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบาย ที่แต่ละทีมระดมความสมองและสร้างสรรค์ขึ้นมา สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ภายใต้กระทรวงอว. จะร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ นอกกระทรวง นำกลไกเหล่านี้ไปขับเคลื่อนต่อไป”
5 ข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบายที่พร้อมขับเคลื่อนประเทศ
กลุ่ม Chang’e (ฉางเอ๋อ) “NCDs FreeVer”
สุขภาพปัง เป๋าตังตุง ประเทศไทยมุ่ง ปลอด NCDs
นวัตกรรมเชิงนโยบายที่ให้ประเทศไทยปลอดจากโรคไม่ติดต่อที่ป้องกันได้ ลดอัตราการป่วยโรค NCDs คนวัยทำงานแข็งแรง ผู้สูงอายุดูแลตัวเองได้ ลดภาระการใช้จ่ายงบสาธารณสุขและมี Big Data ด้านสาธารณสุขสำหรับอนาคต ด้วยการบูรณาการจากทุกภาคส่วนร่วมผลักดันนโยบาย พร้อมสร้างเสาหลัก 3 สำคัญคือ Health Literacy, Behavior Change และ Motivation and Incentive
กลุ่ม Voyage “TIDE: เพื่อนคู่คิด มิตรสร้างเมือง”
สร้างงาน สร้างเงิน สร้างคุณภาพชีวิต กระจายเศรษฐกิจทั่วไทย นวัตกรรมเชิงนโยบายที่มุ่งแก้ปัญหาความเจริญ งาน เงินและโอกาสที่กระจุกตัวเฉพาะเมืองใหญ่ เพื่อปลดล็อค 3 ปัญหาการพัฒนาเมือง ได้แก่ ระบบราชการที่เป็น SILO, การรวมอำนาจและงบประมาณที่ส่วนกลาง และการขาดกลไกการพัฒนาเมืองและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
กลุ่ม Apollo “SMEs โต๊โตตตต” โตความรู้, โตรายได้, โตยั่งยืน
นวัตกรรมนโยบาย ที่ให้ SMEs ไทยเข้าถึงการสนับสนุนและความรู้เพื่อการเติบโตของธุรกิจ เพื่อเพิ่ม SMEs ในระบบ และเพิ่มการเติบโต GDP ของ SMEs
กลุ่ม Viking “Teens ไม่เตะฝุ่น”
เป็นคนที่ใช่ เรียนแบบที่ชอบ จบไปไม่ตกงาน
นโยบายพัฒนาการศึกษา สำหรับแก้ปัญหาการตกงานของนักศึกษาปริญญาตรีจบใหม่ของประเทศไทย ด้วยการผลิตคนแบบ Demand Driven, การเรียนแบบยืดหยุ่น และขยายโอกาสในการจ้างงาน เพื่อลดช่องว่างระหว่างงานที่มีและทักษะเด็กจบใหม่
กลุ่ม Millennium Falcon “Unlocking town เพื่อชาวหมุนเมือง” ปลดล็อคเมือง เพิ่มโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ สู่เมืองที่เท่าเทียม
นวัตกรรมนโยบายที่ใช้ประโยชน์สูงสุดจากที่ดินที่ว่างเปล่าในกรุงเทพฯ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนจนในเมือง ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้เมืองเจริญเติบโต ได้แก่ วินมอเตอร์ไซค์ ไรเดอร์ พ่อค้าหาบเร่ สตรีทฟูดส์และคนงานก่อสร้าง ที่เรียกว่า “คนหมุนเมือง” ด้วยการปลดล็อคข้อจำกัดต่างๆ เพื่อให้พวกเขามีที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ยังกล่าวต่อว่า “จากการดำเนินการอบรม PPCIL ตั้งแต่รุ่น 1 จนถึงวันนี้คือรุ่นที่ 5 ทำให้เห็นว่าการอบรมมีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบายทั้ง 5 ข้อ ที่ผู้เรียนได้ร่วมกันสร้างขึ้นมานั้นสามารถนำไปขยายผลและใช้ได้จริง โดยที่องค์กรต่างๆ สามารถนำไปใช้ไม่ต้องเสียเวลาศึกษาข้อมูล เพราะบุคลากรหรือคนที่เป็นกำลังสำคัญภายใต้ PPCIL ได้ทำสิ่งเหล่านี้แล้ว และสำหรับปัญหาที่เป็นความท้าทาย ถึงแม้ว่าในวันนี้เรายังแก้ไขไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนรุ่นต่อๆ ไปจะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้ว่าปัญหาคืออะไร จะแก้ไขได้มากน้อยเพียงได้ก็เป็นการพัฒนาของแต่ละรุ่นที่จะดำเนินต่อไป”
ด้านตัวแทนผู้เรียนหลักสูตร PPCIL รุ่น 5 นายไพชยนต์ นุชนารถ ผู้จัดการแผนก Talent Development บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวถึงหลักสูตรที่เรียนว่า เป็นหลักสูตรที่ดี มีความหลากหลายของกลุ่มผู้เรียน มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายภาคส่วน และรุ่นพี่ๆ ที่เข้ามาแชร์มุมมองร่วมกัน ทำให้เข้าใจบริบทของการพัฒนาจากต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่างแท้จริง และหลังจากที่เรียนจบแล้ว ความรู้ที่ได้ทั้งทฤษฎีและหลักการความคิดที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่ Root Cause โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนเพื่อสร้างคุณค่าที่แท้จริง คือสิ่งที่ท้าทายและอยากนำไปปฏิบัติจริง
ดร.อรพรรณ แสงสว่าง ผู้จัดการอาวุโส ศูนย์นวัตกรรมไออาร์พีซี บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลักสูตรนี้ช่วยเปิดมุมมองที่แตกต่างไปจากจุดที่เรารู้จักในสายงานที่รับผิดชอบ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราตระหนักถึงปัญหาของประเทศ และภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ที่ร่วมขับเคลื่อนการแก้ปัญหาของประเทศ ซึ่งหลังจากนี้จะนำความรู้ที่ได้ไปเป็นกรอบความคิดในการสร้างการเปลี่ยนแปลง แก้ปัญหาต่างๆ ในองค์กร คำนึงถึงปัจจัยที่จะทำให้นโยบายประสบความสำเร็จ เช่น การรับฟัง และการสร้างความมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง
และ นายก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ผู้จัดการพัฒนานวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจใหม่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สามารถเอาความรู้และทักษะที่ได้จากการอบรมไปต่อยอดและปรับใช้กับการบริหารจัดการในองค์กรได้ เริ่มตั้งแต่การดูสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร การวิเคราะห์คนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อใช้ในการจัดทำกลยุทธ์และแนวทางในการสร้างการมีส่วนร่วมของทีมงาน เพื่อประสานความต้องการ และผลประโยชน์ให้กับทั้งองค์กร ส่วนงานและสมาชิกของทีมทุกคน ซึ่งแตกต่างจากแต่ก่อนที่มุ่งเน้นแต่ผลผลิต ผลลัพธ์ในเชิงธุรกิจขององค์กรอย่างเดียวเป็นหลัก
สำหรับการอบรม PPCIL รุ่นที่ 6 จะจัดขึ้นในปี 2567 โดยจะเปิดรับสมัครเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็ปไซต์ www.nia.or.th หรือ https://www.facebook.com/NIAAcademyTH
You must be logged in to post a comment Login