วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

กำเนิดเด็กกำพร้าที่ชื่อว่า “มุฮัมมัด”

On September 15, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  15 ก.ย. 66 )

กุเรชเป็นชื่อของเผ่าใหญ่ที่ปกครองเมืองมักก๊ะฮและดูแลก๊ะอฺบ๊ะฮฺมาเป็นเวลานาน  บรรพบุรุษของคนเผ่านี้สามารถสืบย้อนไปถึงเคดาร์ลูกชายของอิสมาอีลผู้เป็นบุตรชายหัวปีของอับราฮัม  ชื่อของเคดาร์มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล  ด้วยเหตุนี้  ชาวกุเรชจึงรู้จักและภาคภูมิใจที่พวกตนสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัม

ชาวกุเรชและชาวอาหรับทั่วไปต่างรู้ดีว่าอับราฮัมเป็นผู้สร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺขึ้นเพื่อเป็นสถานที่สักการะพระเจ้าองค์เดียวที่ถูกเรียกว่า “อัลลอฮฺ”  แต่ชาวกุเรชกลับลืมความศรัทธาของบรรพบุรุษตน

ในตอนที่อับดุลมุฎฏอลิบเป็นหัวหน้าเผ่ากุเรช  รอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺมีเจว็ดบูชาหลากหลายรูปแบบและขนาด 360 ตัวที่ชาวอาหรับนำมาตั้งเพื่อกราบไหว้สักการะ

ก่อนหน้านี้  อับดุลมุฏฏอลิบเคยสาบานไว้ว่าหากเขามีลูกชายสิบคน  เขาจะเชือดลูกชายคนหนึ่งของเขาเป็นการพลีถวายให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาเคารพนับถือ  เมื่อเขามีลูกชายสิบคน  เขาจึงต้องทำตามที่เขาสาบานไว้  แต่เนื่องจากเขาไม่รู้จะเลือกลูกชายคนใด  เขาจึงใช้วิธีการเสี่ยงทายโดยการเขียนชื่อลูกชายทั้งสิบคนไว้บนลูกธนู  เมื่อโยนธนูเสี่ยงทายครั้งแรก  เขาก็ได้ลูกธนูที่มีชื่อของอับดุลลอฮฺ

แต่เนื่องจากอับดุลลอฮฺเป็นที่รักของญาติพี่น้อง ทุกคนรู้สึกเสียดายถ้าอับดุลลอฮฺต้องถูกเชือดพลี  จึงมีคนแนะนำให้อับดุลมุฏฏอลิบไปหาแม่หมอคนหนึ่งที่ผู้คนให้ความนับถือว่าเป็นผู้รู้เรื่องสิ่งเร้นลับเพื่อหาทางออก   เมื่อไปถึงแม่หมอ  อับดุลมุฏฏอลิบถูกถามว่าพวกเขาจ่ายค่าสินไหมชดใช้การฆาตรกรรมอย่างไร  เขาตอบว่าจ่ายอูฐสิบตัว

ดังนั้น แม่หมอจึงแนะนำให้เขากลับไปเสี่ยงทายลูกธนูใหม่โดยเขียนชื่อของอับดุลลอฮฺไว้ที่ลูกธนูดอกหนึ่งและอีกดอกหนึ่งให้เขียนอูฐสิบตัว  หากเสี่ยงทายแล้วได้ชื่ออับดุลลอฮฺอีก  ให้เขาจ่ายอูฐสิบตัวแล้วเสี่ยงทายใหม่  หากลูกธนูเสี่ยงทายเป็นชื่ออับดุลลอฮฺอีกก็ให้เพิ่มอูฐเข้าไปทีละสิบตัวจนกว่าจะได้ลูกธนูที่เขียนว่าอูฐสิบตัว และเมื่อถึงตรงนั้น ให้เขาเชือดอูฐพลีแทนลูกชาย

อับดุลมุฏฏอลิบกลับมาทำตามแม่หมอต่อหน้าเทวรูปฮุบัลที่ก๊ะอฺบ๊ะฮฺ   ลูกธนูที่เขาโยนเสี่ยงทายมีชื่ออับดุลลอฮฺถึงสิบครั้ง  จนกระทั่งครั้งที่สิบ ลูกธนูเสี่ยงทายจึงไปตกอยู่ที่อูฐสิบตัว  เมื่อเป็นเช่นนี้  อับดุลมุฏฏอลิบจึงเชือดพลีอูฐหนึ่งร้อยตัวแทนอับดุลลอฮฺลูกชายผู้เป็นที่รักของเขาและทุกคน

อับดุลลอฮฺแต่งงานกับอามินะฮฺหญิงสาวชาวมักก๊ะฮฺและนางตั้งครรภ์ก่อนหน้าเมืองมักก๊ะฮฺถูกกองทัพจากเยเมนบุกมาเพื่อจะทำลายก๊ะอฺบ๊ะฮฺ  ในช่วงเวลาที่นางอามินะฮฺตั้งครรภ์  อับดุลลอฮฺได้นำกองคาราวานนำสินค้าไปซื้อขายที่แคว้นชาม  เขาพยายามทำธุระของเขาให้เสร็จโดยเร็วเพราะเขาอยากเห็นลูกชายของเขา  แต่เขาไม่ทันได้เห็น เพราะระหว่างทางขากลับ  เขาได้ล้มป่วยและเสียชีวิตที่เมืองยัษริบ(หรือมะดีนะฮฺในปัจจุบัน)  ศพของเขาจึงถูกฝังไว้ที่นั่น

ที่มักก๊ะฮฺ  นางอามินะฮฺดีใจที่นางคลอดลูกชาย  นางเฝ้ารอสามีของนางกลับมาชื่นชมลูกชาย  แต่เมื่อรู้ว่าอับดุลลอฮฺสามีของนางไม่กลับมา  นอกจากจะโศกเศร้าเสียใจจากการสูญเสียสามีแล้ว นางยังสงสารลูกชายของนางที่ต้องเป็นเด็กกำพร้าพ่อตั้งแต่เกิด

เมื่อไม่มีพ่อ  อับดุลมุฏฏอลิบผู้เป็นปู่จึงได้รับลูกของนางไปเลี้ยงและเขาได้ตั้งชื่อให้หลานของเขาว่า “มุฮัมมัด” ซึ่งแปลว่า “ผู้ได้รับการสรรเสริญ”   ชื่อนี้ไม่เคยมีชาวอาหรับคนใดใช้มาก่อน  แต่ชื่อนี้ได้ถูกกล่าวล่วงหน้าไว้โดยเยซัสไครสต์

ในคัมภีร์กุรอานมีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า “แท้จริง  พระเจ้าและทูตสวรรค์ของพระองค์อำนวยพรให้แก่นบีผู้นี้(มุฮัมมัด)  โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย  จงอำนวยพรและส่งความสันติให้แก่เขา”

ทุกวันนี้  คำว่า “มุฮัมมัด” ไม่เพียงแต่ถูกมุสลิมกล่าวในการละหมาดทุกครั้งพร้อมกับคำอำนวยพรและคำยกย่องสรรเสริญติดตามมาเท่านั้น  แม้แต่ใครเอ่ยชื่อมุฮัมมัดก็จะมีคำอำนวยพรตามมาและผู้ได้ยินชื่อมุฮัมมัดก็จะเอ่ยคำอำนวยพรให้ท่านด้วย


You must be logged in to post a comment Login