วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

นิราศ 3 ประเทศใน 13 วัน

On September 26, 2023

คอลัมน์ :โลกอสังหาฯ

ผู้เขียน : ดร.โสภณ พรโชคชัย

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  26 ก.ย.  66)

นิราศครั้งนี้นับว่าเป็นกรณี “ชีพจรลงเท้า” จริงๆ ทรหดน่าดูยิ่งกว่ากว่าที่เคยนิราศมา โดยเฉพาะสำหรับชายวัย 65 ปี

นิราศนี้เกิดจากการที่ผมต้องเดินทางไปถึงสามประเทศ สามทิศทางในห้วงเวลาครึ่งหลังของเดือนกันยายน 2566 เรียกว่าแทบจะไม่ได้หยุดพักเลย แต่พอดีจำเป็นเนื่องจากไม่สามารถเลื่อนกำหนดการได้ จึงต้องไปอย่างทรหดอดทนสักหน่อยสำหรับผู้บริหารและผู้สูงวัยเช่นผม ซึ่งโดยมากมักไม่ยินดีทำเช่นนี้ แต่ผมคิดว่าตนเองยังพอไหว ไม่เป็นการฝืนสังขารจนเกินไปและเพื่องานการจึงขอ “ลุย”

จาการ์ตา: ไปดูงานและบรรยาย

งานนี้เริ่มขึ้นในวันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 เช้าวันนั้นผมออกเดินทางไปยังกรุงจาการ์ตาประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงเทพมหานครโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ เพื่อไปร่วมกิจกรรมดูงานอสังหาริมทรัพย์และผมยังได้รับเชิญให้ไปบรรยายเกี่ยวกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนต่างชาติ

ผมพักอยู่โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งโดยมีสนนราคาประมาณ 1,500 บาทต่อคืน โดยจองไว้ 3 คืน แต่ปรากฏว่าเจ้าภาพใจดีเห็นผมเป็นวิทยากรจึงมอบห้องนอนอย่างดี ในโรงแรมระดับหกดาวให้ผมสองคืน ซึ่งปกติคิดราคาคืนละ 10,000 บาทเศษ ผมจึงจำต้องรับไว้ด้วยความยินดี และทิ้งห้องในโรงแรมเล็กๆ ที่จ่ายเงินไปแล้ว

ในฐานะนายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์สากล (FIABCI-Thai) ผมมีคิวต้องไปร่วมงานนี้และไปประชุมคณะกรรมการ FIABCI สากลด้วย โดยปีหนึ่งมีการประชุมคณะกรรมการ 4 ครั้งในประเทศต่างๆ ทั่วโลก การเป็นสมาชิกของสมาคมแห่งนี้เป็นการเปิดโอกาสได้ทราบเรื่องราวเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกและนำมาเผยแพร่เชื่อมต่อกับประเทศไทย

งานนี้แล้วเสร็จในค่ำวันที่ 19 กันยายนโดยมีงานเลี้ยงอำลาพอเสร็จประมาณ 22:00 น.  ผมก็เดินทางกลับเพราะเครื่องบินออกเวลาประมาณ 02:30 ของเช้าวันพุธที่ 20 กันยายนและเดินทางถึงกรุงเทพมหานครในเวลาประมาณ 06:00 น. ของวันดังกล่าว กล่าวได้ว่าในคืนวันที่ 19 นั้นเมื่อเดินทางถึงสนามบินผมก็พยายามนอนแบบเก็บเล็กผสมน้อยเดี๋ยวตอนอยู่บนเครื่องบินก็พยายามนอนให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้ตื่นมาอย่างสดชื่นในวันต่อมา

เมื่อถึงกรุงเทพมหานคร และออกมาถึงที่เรียกรถแท็กซี่ในสนามบินในเวลา 06:45 ผมรีบบอกแท็กซี่ให้ขึ้นทั้งทางด่วนโทรเวย์ที่แสนแพงและทางด่วนขั้นที่หนึ่งเพื่อเดินทางมาที่สำนักงานของผมใกล้สำนักงานเขตยานนาวา ทั้งนี้เพราะในเวลา 08:30 น. ผมมีประชุมต่อเรื่องการเขียนแบบจำลองประเมินค่าเซ้งและค่าผ่อนชำระให้ลูกค้า

จากนั้นเวลา 13:00 น. ก็ต่อด้วยการบรรยายอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จนได้งีบสักพัก และกลับมาทำงานต่ออีกทีช่วง 18:00 น. ต่อจากนั้นก็เป็นงานราษฎร์ คือเป่าเค้กอวยพรวันเกิดหลานสาวคนที่สองที่อายุครบสองขวบ แล้วเวลา 20:00 น. ก็รีบเผ่นไปเยี่ยมคุณแม่ที่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล (ตอนนี้หายป่ายแล้ว) เสร็จจากหยอกล้อกับคุณแม่ก็ต้องไปสนามบินเพื่อเดินทางไปกรุงธากา โดยเครื่องบินออกเวลาก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อย พอเครื่องบินออกผมก็พยายามนอนให้ได้มากที่สุดไม่รับอาหารใดๆ (เพราะ “เล่น” มาแล้วในระหว่างรอที่เลาจน์)

ธากา: ไปประเมินค่าทรัพย์สิน

ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน 2566 ผมก็เดินทางไปถึงกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ ในเวลาประมาณ 03:00 น. ก็ตรงเข้าโรงแรม ถึงโรงแรมก็ “ชักคะเย่อ” กับแท็กซี่อยู่พักหนึ่งเพราะเขาจะเก็บ 1,000 เหรีญของเขาทั้งที่ตกลงกันแค่ 800 แต่สุดท้ายเขาก็ยอมจากไปแต่โดยดี หลังจากนั้นผมก็พยายามนอนหลับให้ได้มากที่สุดเพราะมีนัดกับเจ้าหน้าที่สถานทูตของประเทศหนึ่งในเวลา 10:00 น.

วันนั้นผมก็ออกสำรวจในสถานทูตถึงราวเที่ยง จึงออกมาสำรวจอสังหาริมทรัพย์ข้างนอกจนถึงบ่าย และยังให้การต้อนรับคณะกรรมการสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินของบังกลาเทศ จนถึงช่วงค่ำ และในคืนนี้แหละที่ผมได้นอนยาวตลอด จึงได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และไม่มีปัญหา Jet lag แต่อย่างใดเพราะเวลาห่างกันเพียงแค่ 1 ชั่วโมงคือในขณะที่กรุงเทพ 06:00 น. ที่กรุงธากาก็เป็นเวลา 05:00 น. เป็นต้น

ครึ่งเช้าวันศุกร์ที่ 22 กันยายนเป็นวันหยุดของประเทศบังกลาเทศโดยประเทศนี้รวมทั้ง หลายประเทศในเอเชียใต้ จะหยุดประจำสัปดาห์ในวันศุกร์และวันเสาร์โดยเริ่มต้นทำงานใหม่ในวันอาทิตย์ วันนี้ผมก็ยังออกสำรวจเหมือนเดิมและช่วงบ่ายก็ได้ไปอยู่วัดพุทธแห่งแรกของประเทศบังกลาเทศซึ่งตั้งอยู่ในกรุงธากา แล้วค่อยกลับมาพักผ่อนตามปกติ

วันส่งท้ายในกรุงธากาก็คือ วันเสาร์ที่ 23 กันยายน ผมก็ออกสำรวจเก็บข้อมูลเช่นเดิมจนถึงเวลาเที่ยงค่อยกลับมาเก็บข้าวของและเช็กเอาท์ออกในเวลา 13:00 น. จากนั้นก็ออกสำรวจและไปเยี่ยมบริษัทประเมินค่าทรัพย์สินแห่งหนึ่ง ก่อนเดินทางไปที่สนามบินเพื่อพยายามหลับให้ได้มากที่สุดอีกเช่นกัน ทั้งนี้เพราะเครื่องบินออกในเช้าวันรุ่งขึ้น

เวลาประมาณ 04:00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน ก็เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ผมหลับบนเครื่องบินมาโดยตลอด ในเวลาประมาณ 06:00 น. ก็ถึง ผมก็รีบนั่งแท็กซี่กลับไปยังโรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย บรรยายเวลา 08:30 น. จนถึง 11:00 น. โดยประมาณ หลังจากเสร็จงานแล้วก็ทำงานราษเช่นเคย คือไปเยี่ยมแม่ผมและแม่ยายผม รวมทั้งหยอกเย้ากับหลานๆ และนอนหลับอย่างมีความสุขที่บ้าน

มะนิลา: ไปบรรยายและสัมมนา

ในวันจันทร์ที่ 25 กันยายน ผมก็นั่งทบทวนเอกสารประกอบการบรรยายที่ผมต้องไปบรรยายที่กรุงมะนิลา รวมทั้งการทำงานตามปกติ ซึ่งก็มีงานมากหน่อยเพราะเป็นวันแรกของสัปดาห์ รวมทั้งการประชุมสั่งงานและอื่นๆ อีกหลายรายการในวันดังกล่าวนี้ พอถึงช่วงค่ำก็เตรียมตัวออกเดินทางไปกรุงมะนิลา ซึ่งเจ้าภาพออกค่าเครื่องบินและที่พักโรงแรมห้าดาวให้อย่างดีและเช่นเคยผมก็พยายามหลับก่อนขึ้นเครื่องให้ได้มากที่สุดและหลับบนเครื่องให้ได้มากที่สุดก่อนงานใหญ่มาถึง

ผมไปถึงกรุงมะนิลาในเวลา 03:30 ของวันอังคารที่ 26 กันยายน อันที่จริงพึงมาถึงก่อนหน้านี้หนึ่งวันเพราะมีงานเลี้ยงต้อนรับ แต่ผมเห็นว่าไม่จำเป็นและติดขัดงานที่กรุงธากาก็เลยเลื่อนมาเป็นวันนี้ โดยในวันแรกของการประชุม ผมไม่ได้บรรยายเป็นเพียงผู้ฟัง และผู้ร่วมออกความเห็นเท่านั้น จึงไม่หนักหนาอะไรสำหรับผม วันนี้เลยผ่านไปด้วยดี

วันพุธที่ 27 กันยายน ก็ถึงคิวของผมที่ต้องบรรยายเกี่ยวกับการควบคุมวิชาชีพอสังหาริมทรัพย์อันได้แก่ผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน นายหน้า และอื่นๆ ในประเทศไทย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจากนั้นก็ฟังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนบ้าง วันนี้ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอีกเช่นกัน รวมทั้งในวันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน การประชุมยังมีถึงเช้าวันที่ 29 กันยายนจากนั้นก็เดินทางกลับประเทศไทยในค่ำวันดังกล่าว

เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยไปค่ำวันที่ 29 กันยายน ก็เลยพักผ่อนรวมแล้วถึงใช้เวลาถึงประมาณ 13 วันสำหรับสามประเทศคืออินโดนีเซีย บังกลาเทศ และฟิลิปปินส์

ผมก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เพื่อนำมาเผยแพร่ต่ออะไรประเทศไทยเพื่อพัฒนาวงการวิชาชีพในประเทศไทยต่อไป


You must be logged in to post a comment Login