- อย่าด้อยค่าวันสำคัญศาสนาPosted 9 hours ago
- เสียเพราะรักPosted 3 days ago
- ตำรวจไทยโชว์ฝีมือPosted 4 days ago
- สามัคคีปรองดองกันให้ดีPosted 5 days ago
- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 6 days ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 1 week ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 1 week ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 2 weeks ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 2 weeks ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 2 weeks ago
สสส.ชูนวัตกรรมคู่มือ “WalkShop” กระตุ้นกิจกรรมทางกายหนุ่ม-สาวออฟฟิศ
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/09/3-47.jpg)
สสส.จับมือ กทม.-ทีแพค จัดเวที PA Forum EP.1 – Active Environment for All พร้อมผุดนวัตกรรมคู่มือ “WalkShop” กระตุ้นกิจกรรมทางกายกลุ่มหนุ่ม-สาวออฟฟิศ สุขภาพดี หลุดพ้นจากกลุ่มโรค NCDs
คนไทยตายเพราะกลุ่มโรคไม่ติดต่อ (NCDs)เพียบ
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองประธานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนที่ 2 กล่าวในพิธีเปิดงานเสวนาวิชาการและนโยบายด้านกิจกรรมทางกาย (PA Forum) EP.1 – Active Environment for All การพัฒนาพื้นที่สุขภาวะที่ทุกคนมีส่วนร่วม ว่า จากข้อมูลคนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควร (อายุ 30-70 ปี) ปี 2565 โดยสหประชาชาติ พบมากถึง 74% สาเหตุหลักมาจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อ (NCDs) สสส. เห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้น ได้เร่งสานพลังภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนงานเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงการเกิดโรค NCDs เน้นลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สอดคล้องยุทธศาสตร์ SDGs ของสหประชาชาติ
ทั้งนี้ ภารกิจหลักของ สสส. คือการเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับประชาชน ที่ผ่านมาพบว่า NCDs กลุ่มโรคไม่ติดต่อ เรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วนลงพุง เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ สสส. จึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในแง่การลดความเสี่ยงของการเกิดโรค ซึ่งสอดคล้องกับแนวทาง SDG ของสหประชาชาติ ที่ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นเฉพาะเรื่องสุขภาพและความเป็นอยู่ แต่ยังได้ให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำสร้างความเท่าเทียมให้กับประชากรทุกกลุ่มในการมีกิจกรรมทางกาย
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/09/1-53.jpg)
“สสส. ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคีเครือข่ายส่งเสริมกิจกรรมทางกาย จัดงานครั้งนี้ เพื่อเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้และหาแนวทางการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะให้เอื้อต่อการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ผลักดันสู่นโยบายเพื่อการส่งเสริมพื้นที่สุขภาวะตามทิศทางเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ และต่อยอดความสำเร็จของการดำเนินงานด้านการส่งเสริมพื้นที่สุขภาวะที่ทุกคนมีส่วนร่วม” นพ.สุรเชษฐ์ กล่าว
นอกจากนี้ กิจกรรมทางกาย เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนสังคมสุขภาวะ 7+1 ของ สสส. เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยของประชาชน โดยสนับสนุนและกระตุ้นให้ทุกคนมีกิจกรรมทางกายอย่างพอเพียง แต่ยังรวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย เพื่อลดความเสี่ยงกลุ่มโรค NCDs ในการเสวนาวิชาการและนโยบายด้านกิจกรรมทางกาย EP 1 : พัฒนาพื้นที่สุขภาวะที่ทุกคนมีส่วนร่วม: Active Environment for All ครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของพื้นที่สุขภาวะที่มีต่อการดำเนินชีวิตของ ผู้คน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมสุขภาวะ หรือการมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย
ไทยมีพื้นที่สีเขียวต่ำกว่ามาตรฐาน WHO
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า นโยบายของ สสส. ในเรื่องของ Health Promotion ต้องการส่งเสริมให้คนไทยมี Health Active Lifestyle จึงมีการดำเนินนโยบายส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่สุขภาวะมาอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลกที่ได้ขับเคลื่อน Global Action on Physical Activity เป้าประสงค์ทางยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างสภาพแวดล้อมที่ต่อการมีกิจกรรมทางกาย จากข้อมูลงานวิจัยพบว่า การจะส่งเสริมให้คนไทยมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้นนั้น จำเป็นต้องมีพื้นที่สุขภาวะที่เหมาะสมในแต่พื้นที่ เพื่อเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเข้าใช้และประกอบกิจกรรมเพื่อสนับสนุนให้เกิดไปสู่สุขภาวะที่ดี ได้อย่างสาธารณะ
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/09/2-47.jpg)
“สถานการณ์โควิด-19 ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ย้ำเตือนให้เราตระหนักว่า การมีกิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิต โดยจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยในกลุ่มโรค NCDร จะเสียชีวิตมากกว่าคนทั่วไป TPAC ได้มีการศึกษาวิจัยพบว่าคนไทยมีกิจกรรมทางกายลดลงอย่างชัดเจน จากระดับ 74.6 % ก่อนโควิด ลดลงมาเหลือ 55 % จากที่เรานั่งนิ่ง ๆ วันละ 13 ชั่วโมง เราก็นั่งกันมากขึ้นเป็น 14 ชั่วโมงกว่า ซึ่งจะยิ่งทำให้สุขภาพร่างกายเราแย่ลงเรื่อย ๆ จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเรากลับมา active เหมือนเดิม การประชุมวิชาการวันนี้ ต้องการระดมสมองระดมข้อมูลวิชาการต่าง ๆ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหา เพื่อทำให้คนไทยได้ขยับเขยื้อนร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนทั้งในเชิงวิชาการยุทธศาสตร์นโยบายต่างๆ รวมทั้งการมีพื้นที่สุขภาวะที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้” ดร.นพ.ไพโรจน์กล่าว
ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ข้อมูลสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ด้านพื้นที่สีเขียว ระบุอัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อประซากรในกรุงเทพมหานคร อยู่ที่ 7ตารางเมตร/คน หากนับรวมประชากรแฝง คาดว่ามีประมาณ 10 ล้านคน อัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อประชากรอยู่ที่ 3.54 ตารางเมตร/คนเท่านั้น ถือว่าสภาพไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของ WHO ขณะที่ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) ทำการสำรวจพบว่า กรุงเทพฯ มีระยะทางเฉลี่ยในการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวที่ใกล้ที่สุดประมาณ 4.5 กิโลเมตรโดยต้องใช้เวลาถึง 60 นาที การจะทำให้พื้นที่สุขภาวะกระจายตัวให้ทั่วถึงประชากรทุกระดับ สสส.จึงทำหน้าที่ในการเชื่อมประสานเครือข่ายเพื่อพัฒนากระบวนการความร่วมมือ พัฒนาองค์ความรู้และการจัดการพื้นที่ พร้อมทั้งผลักดันนโยบายในระดับประเทศ
“สสส. และภาคีเครือข่ายร่วมกันพัฒนาและผลักดันให้เกิดพื้นที่สุขภาวะในระยะที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างสวนขนาดเล็ก (Pocket Park) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ในระยะ 400-800 เมตร ใช้เวลาในการเดินทางเข้าถึงไม่เกิน 15 นาที เพื่อจูงใจและกระตุ้นให้คนไทยลุกขึ้นมาขยับร่างกายให้มากขึ้น ให้มีกิจกรรมทางกาย และลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง ซึ่งจะทำให้คนไทยหลุดพ้นจากการเป็นโรคในกลุ่มโรค NCDs และลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทั้งยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพจิตของประชากรเมือง ส่งเสริมระบบนิเวศน์เมือง ส่งเสริมการเรียนรู้ และความสัมพันธ์ทางสังคม และส่งเสริมเศรษฐกิจของย่านไปพร้อมกัน”
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/09/4-45.jpg)
พื้นที่สุขภาวะคือ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ทั้งที่เป็นรูปแบบพื้นที่ว่าง และรูปแบบที่ผสานผสานกับระบบสัญจร ที่ได้รับการออกแบบเชิงกายภาพ และการจัดการเพื่อการสาธารณะ สสส. มีการดำเนินงานพัฒนาที่สุขภาวะร่วมกับภาคีเครือข่ายเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพ, เครือข่ายพื้นที่สุขภาวะ และกรุงเทพมหานคร ในการพัฒนา ย่านพื้นที่สุขภาวะ เช่น คลองสานกะดีจีน, ย่านจีนถิ่นบางกอก, ย่านพระโขนงบางนา พื้นที่สุขภาวะ เช่น ลานกีฬาพัฒน์ 1-2, สวนหัวลำโพงรุกชนิเวศน์, พื้นที่ใต้ทางด่วน พื้นที่สุขภาวะภาษีเจริญ และ เส้นทางสัญจร เมืองเดินได้เดินดี ในย่านต่าง ๆ ของ กทม.
นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม. มีนโยบายที่สำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคนเมืองให้หันมาดูแลรักษาสุขภาพ ปรับพื้นที่เมืองกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นพื้นที่สุขภาวะ สานพลัง สสส. และเครือข่ายของชุมชนทำงานร่วมกันให้มีคุณภาพและยั่งยืน ภายใต้แนวคิดการส่งเสริมพื้นที่สุขภาวะอย่างเสมอภาคใน 3 ประเด็นสำคัญ 1. เส้นเลือดฝอยและสุขภาพคนกรุง พัฒนาระบบสาธารณสุขดูแลเข้าถึงคนในชุมชน 2. สังคมผู้สูงอายุและโรคคนเมือง จัดตั้งชมรมผู้สูงอายุไม่ให้เป็นผู้ป่วยไม่ติดเตียง เน้นให้มีกิจกรรมทางกายนอกบ้าน เกิดเป็น 360 ชมรม ใน 45 ชุมชน รวมถึงพัฒนาพื้นที่สาธารณะ “สวน 15 นาที” 3. ปัญหาโรคทางเดินหายใจ ลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม การสานพลังขับเคลื่อนการทำงานตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ ดูแลชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ ส่งผลให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคนได้
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2023/09/5-33.jpg)
ผุดนวัตกรรมคู่มือ”WalkShop”
นางสาวนิรมล ราศรี รักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. (สำนัก 5) กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่สุขภาวะที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้นั้นถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายที่เพิ่มขึ้น หลักฐานเชิงประจักษ์ที่สามารถยืนยันประโยคข้างต้นได้เป็นอย่างดีคือ “การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย” เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของแผนปฏิบัติการระดับโลกเพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ปี พ.ศ. 2561-2573 หรือ GAPPA ที่ว่าด้วยเรื่องของการให้ความสำคัญกับความจำเป็นในการสร้างพื้นที่และสถานที่ที่ส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายและปกป้องสิทธิความเท่าเทียมให้กับผู้คนทุกวัยและทุกสมรรถภาพในการใช้พื้นที่ในเมือง ชุมชน และสถานที่ที่มีความปลอดภัยและเอื้อให้ทุกคนมีกิจกรรมทางกายอย่างสม่ำเสมองานเสวนาการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย “PA Forum : EP.1 – Active Environment for All การพัฒนาพื้นที่สุขภาวะที่ทุกคนมีส่วนร่วม
ทั้งนี้ สสส. พัฒนานวัตกรรมคู่มือการจัดกิจกรรม “WalkShop : เครื่องมือส่งเสริมการจัด Healthy Active Meeting” เป็นคู่มือการจัดการ “เดินประชุม” ในรูปแบบอินโฟกราฟิก 29 หน้า ที่ปฏิบัติตามได้ง่าย นอกจากช่วยเพิ่มเวลาในการมีกิจกรรมทางกายเพื่อการมีสุขภาพที่ดี ยังช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดิน รวมถึงสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร โดยคู่มือ “WalkShop” มุ่งเป้าปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เอื้อให้วัยทำงานมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ ลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง หน่วยงานที่สนใจสามารถดาวน์โหลดใช้ได้ที่เว็บไซต์ https://tpak.or.th/backend/print_media_file/739/คู่มือการจัดกิจกรรม%20WalkShop.pdf
You must be logged in to post a comment Login