- ปีดับคนดังPosted 10 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มปฏิบัติภารกิจ
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 6 ต.ค. 66 )
มุฮัมมัดเริ่มรู้ตัวว่าเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูต(นบี)ของพระเจ้าเมื่อนางเคาะดีญะฮฺภรรยาของเขาพาไปพบญาติใกล้ชิดของนางที่มีความรู้ในคัมภีร์ก่อนหน้านี้ มุฮัมมัดได้รับรู้ว่าผู้ที่กอดรัดเขาในถ้ำบนภูเขาก็คือทูตสวรรค์องค์เดียวกับที่นำคำบัญชาจากพระเจ้ามายังโมเสส ไม่เพียงเท่านั้น เขายังถูกบอกว่านับแต่นี้ไป เขาจะมีภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่พระเจ้ามอบให้และเขาจะถูกผู้คนต่อต้านและขับไล่
หลังจากนั้นไม่นาน นบีมุฮัมมัดก็ได้รับคำบัญชาให้ประกาศว่าพระเจ้าที่แท้จริงมีเพียงองค์เดียวและเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ในตอนนั้น นบีมุฮัมมัดมีอายุ 40 ปี
แต่เนื่องจากผู้คนในเมืองมักก๊ะฮฺยังงมงายกราบไหว้เทวรูปและเชื่อโชคลางไสยศาสตร์ นบีมุฮัมมัดจึงเริ่มต้นเผยแผ่หลักคำสอนเรื่องพระเจ้าองค์เดียวในครอบครัวและผู้ใกล้ชิดอย่างลับๆ เคาะดีญะฮฺภรรยาของท่านเป็นผู้หญิงคนแรกที่ศรัทธา หลังจากนั้นก็มีอบูบักรฺเพื่อนสนิท อะลีลูกของลุง และเซดทาสที่นบีมุฮัมมัดได้รับเป็นของขวัญจากเคาะดีญะฮฺภรรยาในวันแต่งงานและนบีมุฮัมมัดไม่เพียงแต่ปลดปล่อยให้เป็นอิสระเท่านั้น แต่ยังรับเขาเป้นบุตรบุญธรรมด้วย
กลุ่มคนดังกล่าวคือผู้เข้ารับอิสลามรุ่นแรกและมีบทบาทสำคัญในการปฏิบัติภารกิจของนบีมุฮัมมัด
หลังจากเผยแผ่คำสอนเรื่องการศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวอย่างลับๆได้สักพัก นบีมุฮัมมัดก็ได้รับคำบัญชาให้เผยแผ่คำสอนแก่ผู้คนอย่างเปิดเผยและนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺเริ่มต่อต้านท่านทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ทุกคนภูมิใจและมีความหวังในตัวของท่านเป็นอย่างสูง
หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺเริ่มไม่พอใจนบีมุฮัมมัดเมื่อท่านประกาศว่า “ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆที่สมควรได้รับการเคารพกราบไหว้นอกจากอัลลอฮฺองค์เดียวและมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ”
คำสอนดังกล่าวหมายความว่าเทวรูปนับร้อยที่เรียงรายอยู่รอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺนั้นไม่ใช่สิ่งที่สมควรได้รับการกราบไหว้สักการะนอกไปจากอัลลอฮฺองค์เดียว
เหตุผลที่คำสอนดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้นำชาวเมืองมักก๊ะฮฺก็เพราะผู้นำชาวเมืองมองออกว่านี่คือการทำลายวัฒนธรรมความเชื่อที่ผู้คนยึดถือและปฏิบัติกันมานานนับพันปี ผู้นำชาวมักก๊ะฮฺมองไปไกลอีกว่าถ้าผู้คนไม่กราบไหว้บูชาเทวรูปที่ตั้งเรียงรายอยู่รอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺแล้ว จะไม่มีใครมายังมักก๊ะฮฺ ผลที่ตามมาก็คือมักก๊ะฮฺจะสูญเสียความสำคัญจากการเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและชาวมักก๊ะฮฺจะสูญเสียผลประโยชน์ทางการค้าจากการที่ไม่มีกองคาราวานมาที่นั่น ส่วนพวกพ่อมดหมอผีก็รู้ว่าพวกตนจะสูญเสียผลประโยชน์จากการทำพิธีเซ่นไหว้เทวรูปให้แก่ชาวอาหรับที่มากราบไหว้เทวรูปศักดิ์สิทธิ์
แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือคำประกาศที่ว่า “มุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ” นั้นมีความหมายว่าถ้าใครหันมาศรัทธาในอัลลอฮฺว่าเป็นพระเจ้าที่แท้จริงแต่เพียงองค์เดียวแล้ว คนผู้นั้นคือมุสลิมที่ต้องเชื่อฟังนบีมุฮัมมัดที่ถูกพระเจ้าแต่งตั้งให้เป็นนบี ในสายตาของผู้ปกครองมองออกได้ทันทีว่านี่คือการเปลี่ยนถ่ายความเป็นผู้นำไปสู่มุฮัมมัดและหันไปรับวัฒนธรรมใหม่ที่ท่านจะนำมา นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้นำชาวมักก๊ะฮฺเริ่มต่อต้านนบีมุฮัมมัดตั้งแต่เริ่มปฏิบัติภารกิจเผยแผ่อิสลาม
ในช่วงเวลาที่นบีมุฮัมมัดเผยแผ่อิสลามอยู่ในมักก๊ะฮฺ หากมีใครเริ่มสนใจและหันมาเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนของนบีมุฮัมมัด คนเหล่านี้จะถูกกลั่นแกล้งและทำร้ายด้วยวิธีการต่างๆไม่เว้นแม้แต่คนมีสถานะทางสังคม ส่วนคนยากจนและคนอ่อนแอเช่นทาสนั้นไม่ต้องพูดถึง หลายคนถูกทรมานปางตายในการบังคับให้เปลี่ยนความศรัทธา แต่หลายคนยอมพลีชีวิตเพื่อรักษาความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวไว้
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้คนเริ่มทะยอยหันมาเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนของนบีมุฮัมมัดทั้งแบบลับๆและเปิดเผยมากขึ้น การต่อต้านก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นจนหลายคนคิดที่จะลุกขึ้นตอบโต้ แต่เนื่องจากสาวกของท่านมีจำนวนน้อยและอ่อนแอ ดังนั้น ท่านจึงกำชับบรรดาสาวกของท่านมิให้แม้แต่จะยกกำปั้นขึ้นต่อสู้ แต่ให้อดทนและวิงวอนต่อพระเจ้าให้ประทานความช่วยเหลือ
You must be logged in to post a comment Login