- ปีดับคนดังPosted 5 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
นบีมุฮัมมัด “ฉันคือคำวิงวอนของอิบรอฮีม”
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 27 ต.ค. 66 )
นบีมุฮัมมัดเคยกล่าวว่า “ฉันคือคำวิงวอนของอิบรอฮีม และผู้ที่จะมาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับฉันคืออีซา”
ไม่มีชาวยิว ชาวคริสเตียนและชาวมุสลิมคนใดไม่รู้จักอับราฮัมหรืออิบรอฮีม เพราะอับราฮัมเป็นบิดาแห่งความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและเป็นต้นตระกูลของบุคคลสำคัญที่เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว
แต่คำถามคือนบีอิบรอฮีมวิงวอนอะไรไว้ก่อนหน้านบีมุฮัมมัดกำเนิดกว่าสามพันปี?
คัมภีร์กุรอานเล่าเรื่องราวตอนหนึ่งของนบีอิบรอฮีมว่าเมื่อท่านกลับมาเยี่ยมนางฮาการ์ภรรยาคนที่สองและอิสมาอีลบุตรคนแรกของท่านที่เมืองมักก๊ะฮหลังจากที่ท่านนำภรรยาและลูกชายมาทิ้งไว้เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน
ในการมาเยี่ยมครั้งนี้เองที่พระเจ้าได้บัญชาให้ท่านสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺขึ้นเพื่อเป็นสถานที่แห่งการเคารพสักการะพระองค์ เมื่อสร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺเสร็จ ท่านได้วิงวอนว่า :
“ข้าแต่พระผู้อภิบาล ฉันได้ตั้งรกรากถิ่นฐานให้ลูกหลานของฉันบางคนในหุบเขาอันกันดารใกล้บ้านอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา ฉันทำสิ่งนี้ก็ด้วยหวังว่าพวกเขาจะได้ดำรงละหมาดที่นั่น ดังนั้น โปรดหันหัวใจของผู้คนไปยังพวกเขาด้วยและโปรดประทานผลไม้เป็นอาหารแก่พวกเขาด้วยเถิด เพื่อพวกเขาจะได้เป็นผู้กตัญญู” (กุรอาน 14:37-38)
ในคำวิงวอนนี้ นบีอิบรอฮีมได้ประกาศว่าเจตนารมณ์ที่ท่านนำครอบครัวของท่านมาตั้งถิ่นฐานที่นี่คือ เพื่อให้ลูกหลานของท่านได้สักการะพระองค์โดยการละหมาด และท่านขอต่อพระเจ้าให้หันหัวใจของผู้คนให้มาละหมาดตามลูกหลานของท่านด้วย ส่วนคำวิงวอนขอให้พระเจ้าประทานผลไม้เป็นอาหารแก่ผู้ศรัทธาในพระองค์นั้น พระเจ้าได้ตอบรับคำวิงวอนนี้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน เพราะมักก๊ะฮฺไม่เคยขาดแคลนผลไม้เลยแม้จะเพาะปลูกไม่ได้ก็ตาม
นอกจากนี้ นบีอิบรอฮีมยังได้วิงวอนด้วยความนอบน้อมอีกว่า
“โอ้พระผู้อภิบาลของเรา โปรดทำให้เราทั้งสองเป็นผู้นอบน้อมต่อพระองค์ และได้โปรดให้ลูกหลานของเราเป็นชนชาติที่นอบน้อมต่อพระองค์ ขอได้ทรงแสดงให้เราเห็นถึงการปฏิบัติศาสนกิจของเราและได้โปรดนิรโทษแก่เราโดยปรานี” (กุรอาน 2.128)
คำวิงวอนดังกล่าวทำให้เรารู้ว่านบีอิบรอฮีมมิได้เป็นผู้ก่อตั้งศาสนายูดายหรือศาสนาคริสต์ แต่ท่านขอให้ตัวท่านเองและลูกชายรวมทั้งลูกหลานที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าเป็นผู้นอบน้อมยอมจำนนต่อพระองค์หรือเป็นมุสลิมที่อยู่ในวิถีอิสลามนั่นเอง เพราะคำว่าอิสลามหมายถึงการยอมจำนนต่อพระเจ้า หลังจากนั้น ท่านได้ขอให้พระเจ้าสอนวิธีการเคารพสักการะที่แสดงถึงการเป็นผู้ยอมจำนนต่อพระองค์ นั่นคือ การละหมาด เมื่อนบีอิบรอฮีมได้รับแบบอย่างการละหมาดแล้ว ท่านได้ปฏิบัติตามนั้นและลูกหลานของท่านที่เป็นนบีก็ปฏิบัติสืบต่อกันมา
นบีอิบรอฮีมยังวิงวอนอีกว่า “พระผู้อภิบาลของเรา โปรดให้ในหมู่พวกเขามีศาสนทูตขึ้นมาคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่จะมาสาธยายคำบัญชาทั้งหลายของพระองค์แก่พวกเขาและสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่พวกเขาและขัดเกลาชีวิตของพวกเขาให้สะอาด….” (กุรอาน 2:129)
คำวิงวอนนี้ดูเหมือนนบีอิบรอฮีมจะรู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้า ลูกหลานของท่านและผู้คนจะลืมการละหมาดที่เป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาในพระเจ้าและความหนอบน้อมต่อพระองค์ และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะสาวกของนบีต่างๆที่เป็นลูกหลานของท่านได้ละทิ้งและหลงลืมการละหมาดกันไปหมดแล้ว ชาวยิวและชาวคริสเตียนจึงไม่ได้ก้มกราบสักการะพระเจ้าเหมือนกับที่นบีของได้แสดงให้เห็น
ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงส่งนบีมุฮัมมัดมาเพื่อเป็นการตอบรับคำวิงวอนของนบีอิบรอฮีม เพราะนบีมุฮัมมัดนี่เองที่ได้มาแสดงแบบอย่างการปฏิบัติศาสนกิจตามที่พระเจ้าประสงค์ไว้ให้ผู้ศรัทธาในพระองค์ปฏิบัติตามจนถึงวันสิ้นโลก
You must be logged in to post a comment Login