- ปีดับคนดังPosted 4 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
เยซัสบอกล่วงหน้าถึงการมาของนบีมุฮัมมัด
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 10 พ.ย. 66 )
นบีมุฮัมมัดเคยกล่าวว่า “ฉันคือคำวิงวอนของอิบรอฮีม และผู้ที่จะมาแจ้งข่าวดีเกี่ยวกับฉันคืออีซา(หรือเยซัส)”
คัมภีร์กุรอานกล่าวไว้ว่านบีมุฮัมมัดเป็นศาสดาผู้ไม่รู้หนังสือและชื่อของท่านได้ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์โตราห์ที่พระเจ้าประทานแก่โมเสสและในคัมภีร์อินญีล(Gospel)ที่พระเจ้าประทานแก่เยซัสหรือพระเยซู ปุโรหิตชาวยิวและบาทหลวงชาวคริสเตียนรู้จักคัมภีร์ทั้งสองนี้เป็นอย่างดี
ในระหว่างที่พวกลูกหลานอิสราเอลตกระกำลำบากเมื่อตกเป็นทาสของฟาโรห์แห่งอียิปต์ พวกเขาวิงวอนต่อพระเจ้าให้ส่งคนมาช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากความเป็นทาส พระเจ้าได้ส่งโมเสสมาช่วยพวกเขาให้พ้นจากความเป็นทาส โมเสสจึงเป็นเหมือนวีรบุรุษของพวกลูกหลานอิสราเอล
ในคัมภีร์ไบเบิลฉบับพันธสัญญาเก่ามีบันทึกคำพูดของโมเสสที่เอ่ยถึงการมาของบุคคลผู้หนึ่งไว้ซึ่งถึงแม้จะไม่เอ่ยชื่อโดยตรง แต่ก็บอกลักษณะไว้ดังนี้ :
“และพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ซึ่งเขาพูดมาเช่นนั้นก็ดีอยู่ เราจะโปรดให้บังเกิดผู้เผยพระวจนะอย่างเจ้าในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวบรรดาสิ่งที่เราบัญชาเขาไว้แก่ประชาชนทั้งหลาย ผู้ใดไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเรา เราจะกำหนดโทษผู้นั้น แต่ถ้าผู้เผยพระจวนะคนใดบังอาจกล่าวคำในนามของเราซึ่งมิได้บัญชาให้กล่าว หรือผู้นั้นกล่าวในนามพระอื่น ผู้เผยพระวจนะนั้นต้องมีโทษถึงตาย’” (เฉลยธรรมบัญญัติ 18.17-20)
“ผู้เผยวจนะอย่างเจ้า” ในข้อความข้างต้นถ้าแปลเป็นภาษาอาหรับก็คือ “นบีที่เหมือนกับโมเสส” นั่นเอง ส่วนข้อความที่ว่า “เราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา” หมายถึงนบีผู้นั้นจะพูดตามที่พระเจ้าสั่งให้พูด” ซึ่งแม้จะไม่เอ่ยชื่อใคร แต่ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์รู้ดีว่าคนผู้นั้นคือนบีมุฮัมมัดผู้รับวิวรณ์จากพระเจ้าและพูดไปตามนั้น
ในคัมภีร์ไบเบิลฉบับพันธสัญญาใหม่มีบันทึกว่าเยซัสหรือพระเยซูได้กล่าวไว้ถึงการมาของบุคคลผู้หนึ่งเหมือนกับที่กล่าวไว้ในฉบับพันธสัญญาเก่าว่า :
“เรา(เยซัส)จะขอบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย คือ การที่เราจะไปนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป พระองค์ผู้ช่วยนั้นจะมิได้มาหาท่าน แต่ถ้าเราไป เราจะใช้พระองค์นั้นมาหาท่าน…เมื่อพระองค์นั้นมาแล้ว พระองค์จะบันดาลให้โลกรู้สึกถึงความผิด ถึงความชอบธรรมและการพิพากษา…เรายังมีอีกหลายสิ่งที่จะบอกท่านทั้งหลาย แต่เดี๋ยวนี้พวกท่านยังรับเอาไม่ได้ แต่เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงมาแล้ว พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทุกอย่าง เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง แต่พระองค์ได้ยินสิ่งใดก็จะตรัสสิ่งนั้น และจะแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้สิ่งเหล่านั้นซึ่งจะเกิดขึ้น” (โยฮัน 16 : 7,8,12,13)
คำว่า “พระองค์ผู้ช่วย” ที่จะมาหลังเยซัสหรือพระเยซูจะเป็นใครไม่ได้นอกจากนบีมุฮัมมัดเนื่องจาก “พระองค์ไม่ตรัสโดยพระองค์เอง แต่พระองค์ได้ยินสิ่งใดก็จะตรัสสิ่งนั้น”
ในบันทึกของเซนต์ บาร์นาบัส (Gospel of Saint Barnabas) ที่ไม่ได้ถูกนำไปรวมไว้ในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวชัดถึงการมาของ “ผู้เผยพระวจนะอย่างเจ้า” และ “พระองค์ผู้ช่วย” ไว้ชัดเจนว่าหมายถึง “มุฮัมมัด” ดังนี้
“ครั้นปุโรหิตถามว่า ‘มาซีฮานั้นจะถูกเรียกอย่างไร และอะไรเป็นสัญญาณแสดงให้เราเห็นถึงการมาของเขา ?’ เยซัสตอบว่า ‘นามของมาซีฮานั้นคือการสรรเสริญ พระเจ้าทรงให้นามแก่เขา ขณะที่พระองค์ทรงให้บังเกิดวิญญาณของเขาและสถิตอยู่ในสวนสวรรค์ พระเจ้าตรัสว่าจงคอยมุฮัมมัด เพื่อประโยชน์ของเจ้า’”
ในคัมภีร์กุรอานที่นบีมุฮัมมัดได้รับหลังสมัยเยซัส มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า :
“ลูกหลานอิสราเอลเอ๋ย แท้จริง ฉันเป็นศาสนทูตของพระเจ้าที่ถูกส่งมายังพวกท่าน เป็นผู้ยืนยันคำสอนที่มีอยู่ในคัมภีร์โตราห์ก่อนหน้าฉันและเป็นผู้แจ้งข่าวดีถึงศาสนทูตคนหนึ่งผู้จะมาภายหลังฉัน นามของเขาผู้นั้นคืออะหมัด” (กุรอาน 61:6)
อะหมัดในภาษาอาหรับหมายถึงการสรรเสริญและมุฮัมมัดหมายถึงผู้ได้รับการสรรเสริญ
You must be logged in to post a comment Login