- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 1 month ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 1 month ago
- โลกธรรมPosted 1 month ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 1 month ago
- สลายความเกลียดชังPosted 1 month ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
สิ่งท้าทายใหม่ๆในแผ่นดินใหม่

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 1ธ.ค. 66 )
เมื่อนบีมุฮัมมัดผู้ไม่รู้หนังสือเริ่มปฏิบัติภารกิจเผยแผ่อิสลามในมักก๊ะฮฺ พระเจ้าได้กำชับท่านมิให้พูดจาดูหมิ่นสิ่งที่ชาวเมืองมักก๊ะฮฺเคารพกราบไหว้ ส่วนพวกลูกหลานอิสราเอลนั้น พระเจ้ากำชับท่านให้ใช้การตักเตือนที่ดีและมีเหตุผล
ก่อนนบีมุฮัมมัดอพยพไปยังเมืองยัษริบ(มะดีนะฮฺ) ที่นั่นมีกลุ่มลูกหลานอิสราเอลสามเผ่าอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนแล้ว คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ชาวอาหรับ มีความภาคภูมิใจในบรรพบุรุษของตนที่เป็นนบีและเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ในคัมภีร์ทางศาสนา เมื่อนบีมุฮัมมัดเข้าไปหาคนกลุ่มนี้ ท่านเรียกคนเหล่านี้ด้วยความให้เกียรติว่า “บนีอิสรออีล” (ลูกหลานอิสราเอล) และในบางครั้งก็เรียกว่า “อะฮฺลุลกิตาบ” (ชาวคัมภีร์) ท่านยังไม่เรียกคนกลุ่มนี้ว่า “ยะฮูด” (ยิว)
ในปีแรกที่อยู่ในเมืองยัษริบ นบีมุฮัมมัดเห็นพวกลูกหลานอิสราเอลหันหน้าไปยังเมืองเยรูซาเล็มเมื่อนมัสการพระเจ้า ท่านถือว่าคนกลุ่มนี้เป็นรุ่นพี่ในเรื่องของความศรัทธา ท่านจึงสั่งมุสลิมให้หันหน้าไปยังเมืองเยรูซาเล็มในเวลาละหมาดทั้งๆที่ใจของท่านอยากจะหันไปยังก๊ะอฺบ๊ะฮฺที่อยู่ในเมืองมักก๊ะฮฺ และเมื่อท่านเห็นพวกลูกหลานอิสราเอลถือศีลอด แม้ในตอนนั้นยังไม่มีบทบัญญัติการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของมุสลิมก็ตาม แต่นบีมุฮัมมัดก็สั่งสาวกของท่านให้ปฏิบัติตามพวกลูกหลานอิสราเอล
นบีมุฮัมมัดพยายามทำความเข้าใจกับพวกลูกหลานอิสราเอลว่าท่านเป็นนบีที่ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์ของพวกเขาและสิ่งที่ท่านนำมาเผยแผ่สั่งสอนนั้นมาจากพระเจ้าองค์เดียวกับที่ประทานคัมภีร์แก่นบีผู้เป็นบรรพบุรุษของพวกเขา แต่ด้วยความทะนงและรู้ว่านบีมุฮัมมัดไม่รู้หนังสือ พวกลูกหลานอิสราเอลจึงไม่ยอมรับ ไม่เพียงเท่านั้น คนพวกนี้ยังสมรู้ร่วมคิดกันต่อต้านท่านอย่างรุนแรงด้วย
เมื่อพวกลูกหลานอิสราเอลปฏิเสธนบีมุฮัมมัดก็เท่ากับปฏิเสธพระเจ้า ดังนั้น เพื่อที่จะแยกมุสลิมออกจากพวกลูกหลานอิสราเอล ในปีที่สองของการอพยพไปยังยัษริบ พระเจ้าจึงสั่งให้นบีมุฮัมมัดหันหน้าไปยังก๊ะอฺบ๊ะฮฺในเวลาละหมาด และถือศีลอดตามแบบมุสลิม คือ อดอาหารตั้งแต่ก่อนแสงอรุณปรากฏจนถึงดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ซึ่งผิดกับพวกลูกหลานอิสราเอลที่ถือตลอดทั้งวัน เมื่อละศีลอดตอนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วก็ถือศีลอดต่อ

การเปลี่ยนแปลงวิธีการปฏิบัติศาสนกิจนี้เองที่ทำให้พวกลูกหลานอิสราเอลไม่พอใจและตำหนิท่าน และเมื่อพวกลูกหลานอิสราเอลไม่เชื่อในคัมภีร์กุรอานที่พระเจ้าประทานมา แต่ยังคงเชื่อในคัมภีร์ที่คนรุ่นก่อนเขียนขึ้น ท่านจึงเรียกคนพวกนี้ว่า “ยะฮูด” (ยิว)
อย่างไรก็ตาม มีบางคนในหมู่ลูกหลานอิสราเอลทึ่ศึกษาคัมภีร์เดิมของตนและได้ฟังคำสอนของนบีมุฮัมมัด จึงเกิดความเชื่อมั่นศรัทธาและหันมารับนับถืออิสลามก็มี แต่น้อยมาก
คัมภีร์กุรอานได้เปิดเผยพฤติกรรมสามหาวและทะนงตนของชาวยิวต่อพระเจ้าไว้หลายตอน เช่น ชาวยิวกล่าวว่า “เราเป็นบุตรของพระเจ้าและเป็นที่รักของพระองค์” บางครั้ง ชาวยิวอ้างว่าอับราฮัมเป็นยิวเพื่อให้ชาวอาหรับภูมิใจในความเป็นยิว แต่คัมภีร์กุรอานปฏิเสธว่าอับราฮัมมิใช่ยิว บางครั้ง ชาวยิวอ้างว่า “เราเป็นบุตรของพระเจ้าและเป็นที่รักของพระองค์” และ “ไฟนรกจะไม่สัมผัสเรา และถ้าหากมันจะสัมผัสเรา มันก็จะเป็นเพียงสองสามวันเท่านั้น” บางที ชาวยิวก็กล่าวว่า “พระเจ้ายากจน แต่พวกเรานั้นมั่งคั่ง”
นอกจากพวกลูกหลานอิสราเอลแล้ว ยังมีกลุ่มเกิดใหม่เป็นหอกข้างแคร่ของนบีมุฮัมมัดอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกว่า “มุนาฟิก” (คนตลบตะแลง) คนกลุ่มนี้นำโดยผู้ที่กำลังจะได้รับการแต่งตั้งจากชาวเมืองให้เป็นผู้นำ แต่เมื่อตัวแทนของชาวเมืองยัษริบมาทำฮัจญ์และถูกตาต้องใจนบีมุฮัมมัด จึงเชิญท่านไปเป็นผู้นำชาวเมืองยัษริบ ความหวังที่จะได้เป็นผู้นำของคนผู้นี้จึงพังทลายลง แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะเก็บความรู้สึกไม่พอใจไว้เพื่อรอกำจัดนบีมุฮัมมัดเมื่อสบโอกาส
You must be logged in to post a comment Login