วันพฤหัสที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

WHO ออกแถลงการณ์เรียกร้องทุกประเทศออกมาตรการควบคุมคุมเข้มบุหรี่ไฟ้ฟ้า

On December 20, 2023

WHO ออกแถลงการณ์เรียกร้องทุกประเทศออกมาตรการควบคุมคุมเข้มบุหรี่ไฟ้ฟ้า เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนที่เป็นเป้าหมายหลักของบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมขอเสนอมาตรการในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ด้านหมอประกิตย้ำไทยยังมีปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฎหมายและการเฝ้าระวัง

นพ.จอส ฟอนเดลาร์ (Dr.Jos Vandelar) ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวในงานเสวนาการแถลงการณ์องค์การอนามัย ภัยคุกคามต่อเด็กและเยาวชน ข้อเสนอต่อมาตรการในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า ว่า ปัจจุบันตลาดบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว บุหรี่ไฟฟ้านั้นทำการตลาดด้วยผลิตภัณฑ์ ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าสนใจมีความหลากหลายของรสชาติที่ดึงดูดให้กลุ่มเด็กและเยาวชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าตกเป็นเหยื่อได้ไม่ยาก ด้วยพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ได้ต่างไปจากบุหรี่ธรรมดา ที่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงต่างๆ และ WHO ได้ออกแถลงการณ์ องค์การอนามัยโลก  เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าภัยคุกคามต่อเด็กและเยาวชน พร้อมขอเสนอมาตรการในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า

ผู้แทน WHO ย้ำการตลาดบุหรี่ไฟฟ้าพุ่งเป้าที่เด็กและเยาวชน

ที่หลากหลายและรสชาติที่น่าดึงดูด โดยเน้นการตลาดที่มุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างกว้างขวางในหมู่เด็กและ ในบางประเทศพบว่าอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กวัยรุ่นนั้นสูงกว่าผู้ใหญ่ และเราจำเป็นที่จะต้องปกป้องเยาวชนคนรุ่นใหม่ ถึงแม้ว่าจะมีการห้ามขาย แต่จากการสำรวจภาวะ สุขภาพของนักเรียนในประเทศไทย พบว่าอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากร้อยละ3.3 ในปี 2558เป็นร้อยละ 8.1 ในปี 2564 นี่คืออัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเด็กที่อายุ 13-15ปี เท่านั้น นอกจากที่เด็กเหล่านี้จะเสพติดนิโคติน แต่พวกเขายังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าที่จะกลายเป็นผู้สูบบุหรี่มวนต่อไปในอนาคตอีกด้วย

ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงเป็นเหตุที่เราจะต้องปกป้องคุ้มครองเยาวชนคนรุ่นใหม่จากบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด รวมถึงมีมาตรการติดตามและเฝ้าระวัง ที่จะช่วยให้มีข้อมูลอัตราการใช้และรูปแบบการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการ รับมือกับการทำการตลาดของอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากเยาวชนนั้นตกเป็นเป้า องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าควรต้องมีการให้ความรู้เรื่องพิษภัยและผลกระทบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างทั่วถึงแก่ประชาชนทุกคนในสังคม โดยเฉพาะแก่เด็กผ่านการบูรณาการในแบบเรียนของโรงเรียน

สำหรับมาตรการเร่งด่วนของ องค์การอนามัยโลก ได้ออกแถลงการณ์เพื่อปกป้องสุขภาพของเด็กและผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ และลดอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีต่อสุขภาพของประชาชน ได้แก่ 1.ประเทศที่มีการห้ามการขายบุหรี่ไฟฟ้า ให้ดำเนินมาตรการห้ามการขายบุหรี่ไฟฟ้าและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยให้ติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างทันท่วงที 2.ประเทศที่อนุญาตให้มีการค้าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้า (การขาย การนำเข้า การจัดจำหน่าย และการผลิต) ควรกำหนดกฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อลดความน่า ดึงดูดและอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีต่อประชากร รวมถึงการห้ามบุหรี่ไฟฟ้าแต่งรสชาติทั้งหมดจำกัดความเข้มข้นและคุณภาพของนิโคติน และบังคับใช้มาตรการภาษีอย่างเข้มงวด

นพ.จอส กล่าวต่อว่า องค์การอนามัยโลกสนับสนุนรัฐบาลไทยให้มีกฎหมายเรื่องการห้ามขาย บุหรี่ไฟฟ้าต่อไป ขอให้รัฐบาลไทยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องคนรุ่นใหม่จากผลิตภัณฑ์ที่อันตรายเหล่านี้ เพราะบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสิ่งเสพติด อันตราย ไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้สูบและผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กและเยาวชน

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังออกคำเตือน ไม่แนะนำให้รัฐบาลทุกประเทศอนุญาตให้ขาย บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยเลิกบุหรี่ ส่วนประเทศที่ดำเนินยุทธศาสตร์การเลิกบุหรี่โดยใช้บุหรี่ไฟฟ้าควรควบคุมเงื่อนไขในการเข้าถึง เพื่อให้มั่นใจว่ามีข้อบ่งชี้ทางคลินิกที่เหมาะสม และต้องควบคุมเป็นผลิตภัณฑ์โดยได้รับอนุญาตทางการค้าระบุเป็นยาเท่านั้น

สสส.เผย 4 ยุทธศาสตร์ควบคุมยาสูบ

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในไทยน่าเป็นห่วงอย่างมาก เด็กและเยาวชนไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จากผลการสำรวจพฤติกรรมสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทย 61,688 คน เมื่อวันที่ 25 เม.ย.-6 มิ.ย. ปี 2566 ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พบเยาวชนสูบบุหรี่ไฟฟ้า 9.1% ส่วนใหญ่ถูกเพื่อนชักชวนให้สูบ 92.2% สอดคล้องกับผลสำรวจเด็กและเยาวชนในศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนและสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน 39 แห่งทั่วประเทศ เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2566 พบ 95.4 % เคยสูบบุหรี่มวน และ 79.3% เคยสูบบุหรี่ไฟฟ้า โดยเริ่มใช้บุหรี่มวนเป็นสารเสพติดชนิดแรก 80.7% ในจำนวนนี้พัฒนาไปสู่การใช้ยาเสพติดชนิด อื่น76% ทั้งนี้ เด็กนักเรียนส่วนใหญ่มีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย ไม่เสพติด ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะมีหลักฐานยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินเป็นสารเสพติดรุนแรง มีสาร ก่อมะเร็ง ส่งผลเสียต่ออวัยวะต่างๆ ทั้งปอด หัวใจและหลอดเลือด ทำลายพัฒนาการของสมองเด็กและทารกในครรภ์ รวมถึงเป็นอันตรายต่อคนรอบข้างที่ไม่สูบด้วย

ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น สสส. ได้เร่งดำเนินงานควบคุมยาสูบเพื่อสร้าง สังคมและสิ่งแวดล้อมปลอดบุหรี่ ผ่านยุทธศาสตร์ 4 ด้าน 1.พัฒนาระบบ/กลไกการสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง เพื่อการป้องกันนักสูบหน้าใหม่และลดผู้สูบรายเดิม สนับสนุนการให้บริการเลิกบุหรี่ การรักษาการติดนิโคตินในหน่วยบริการสุขภาพ 2. พัฒนานโยบาย กฎหมายการควบคุมการบริโภคยาสูบ เช่น มาตรการควบคุมยาสูบในชุมชน การปกป้องการได้รับควันบุหรี่มือสองและมือสามและการรณรงค์บ้าน ครอบครัวปลอดบุหรี่บุหรี่ไฟฟ้า 3.พัฒนาศักยภาพเครือข่ายดำเนินงานควบคุมยาสูบ ทั้งส่วนกลาง และภูมิภาค มุ่งเน้นการรู้เท่าทันธุรกิจยาสูบ การตลาดยาสูบรูปแบบใหม่ และพัฒนาให้เกิด พื้นที่สร้างสรรค์ปลอดปัจจัยเสี่ยง 4.ส่งเสริมทักษะและความรอบรู้ทางสุขภาพด้านการควบคุมยาสูบที่เหมาะสมเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะทักษะการปฏิเสธบุหรี่บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนมาตรการทั้งหมดนี้ เพื่อสร้างสังคมปลอดบุหรี่ ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับอากาศสะอาดไร้ควันบุหรี่อย่างแท้จริง

“หมอประกิต” เผยไทยยังมีปัญหาเรื่องการควบคุมบังคับใช้กฎหมาย

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายและการเฝ้าระวังเรื่องของยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้า และยังมีเรื่องที่ต้องจับตาในหลายประเทศคณะกรรมการวุฒิสภาที่เกี่ยวข้องการการพิจารณาเรื่องของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่มีคนของบริษัทผู้ผลิตบุหรี่ หรือคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นคณะกรรมการ แต่ในประเทศไทยเป็นเรื่องที่น่าแปลกคือ มี 2 คนที่เป็นล็อบบี้ยิส ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทผู้ผลิตบุหรี่เข้ามาเป็นคณะกรรมการวิสามัญในชุดปัจจุบันด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมต้องจับตาดู

รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าเติบโตขึ้นมากตั้งแต่ปี 2561 บุหรี่ไฟฟ้ามีมากถึง 550,000 รูปแบบ มีรสชาติที่ดึงดูดเด็กมากกว่า 16,000 รสชาติ โดยพอตแบบใช้แล้วทิ้งเป็นที่นิยมในกลุ่มเด็กและวัยรุ่นเติบโตขึ้นถึง 116% บุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ออกแบบให้มีปริมาณ นิโคตินสูง ราคาถูก เข้าถึงง่าย โดยเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า 56-64% บอกว่า “ตนเองติดบุหรี่ไฟฟ้า” ทั้งที่บุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีประสิทธิภาพในการเลิกบุหรี่ และอาจนำไปสู่การติดนิโคตินอย่าง ต่อเนื่อง โดยบุหรี่ไฟฟ้ามักจะทำการตลาดผ่าน Social media และ influencer ทำให้แพร่หลายในกลุ่ม วัยรุ่น องค์การอนามัยโลกจึงได้ส่งสัญญาณให้ทุกประเทศเฝ้าระวังสถานการณ์การบริโภคบุหรี่ไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ มีมาตรการห้ามการโฆษณา ส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ ทุกช่องทาง รวมทั้งออนไลน์

จากการสำรวจเด็ก ม.ต้นพบว่า เด็ก ม.ต้นสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง25%  และหญิงมากกว่าชาย และยังพบว่าบางคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่ชั้นประถม ด้วยความเชื่อที่ผิดๆที่จากสื่อออนไลน์ ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วจะไม่ติด ส่วนเด็ก 90%   จะสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีรสชาติต่างๆ อาจสรุปได้ว่า การใช้โซเซียลของเด็กจะมีผลสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ฟ้า


You must be logged in to post a comment Login