วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

สนธิสัญญาสันติภาพครั้งแรกในอิสลาม

On December 29, 2023

คอลัมน์ : สันติธรรม

ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่  29 ธ.ค.  66 )

ระหว่างที่อยู่ในเมืองยัษริบ  นบีมุฮัมมัดต้องทำสงครามหลายครั้ง  สงครามเหล่านี้เกิดขึ้นจากการรุกรานภายนอกและจากการสมรู้ร่วมคิดของชนเผ่าชาวยิวและกลุ่มคนตลบตะแลงภายในที่คอยคิดกำจัดท่านและทำลายอิสลาม

หลังจากอพยพไปยังยัษริบได้ประมาณเจ็ดปี(ประมาณเดือนมกราคม ค.ศ.628)  นบีมุฮัมมัดมีความประสงค์ที่จะกลับไปยังมักก๊ะฮฺเพื่อเวียนรอบก๊ะบ๊ะฮฺ  ในตอนนั้น  พิธีฮัจญ์อย่างที่มุสลิมปฏิบัติกันในปัจจุบันยังไม่เกิดขึ้น   บรรดาสาวกของท่านที่อพยพมาก็มีความประสงค์เช่นกัน  ดังนั้น  นบีมุฮัมมัดกับบรรดาสาวกจำนวนหนึ่งจึงเดินทางออกจากเมืองยัษริบมุ่งหน้าสู่เมืองมักก๊ะฮฺ

เนื่องจากพิธีเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺเป็นพิธีกรรมทางศาสนา  นบีมุฮัมมัดและบรรดาสาวกจึงไม่นำอาวุธเช่นหอก ดาบหรือธนูติดตัวมาด้วย  มีแต่เพียงมีดที่จำเป็นสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน  ทั้งนี้เพื่อมิให้ชาวเมืองมักก๊ะฮฺรู้สึกระแวงว่าจะเป็นอันตราย

อย่างไรก็ตาม  หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺรู้สึกไม่สบายใจที่รู้ถึงการมาของนบีมุฮัมมัดและสาวกของท่านซึ่งครั้งหนึ่งพวกตนเคยคิดร้ายและขับไล่  ขณะเดียวกัน  พวกเขารู้สึกอัดอัดที่ขัดขวางนบีมุฮัมมัดและสาวกมิให้เข้ามาเวียนรอบก๊ะฮฺบ๊ะฮฺได้เพราะประเพณีอาหรับห้ามขัดขวางคนมาเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺ  แต่เหตุผลหลักของความอึดอัดก็คือหากพวกเขาปล่อยให้นบีมุฮัมมัดและสาวกเข้ามา  พวกเขาเกรงว่าเผ่าอาหรับต่างๆจะมองว่าหัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺยอมรับความเข้มแข็งของมุสลิมและจะเทใจไปฝักใฝ่มุฮัมมัด

ด้วยความรู้สึกเช่นนี้  หัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺจึงส่งคนไปสะกัดขัดขวางนบีมุฮัมมัดซึ่งในตอนนั้นตั้งค่ายพักอยู่นอกเมืองมักก๊ะฮฺตรงบริเวณที่เรียกว่าฮุดัยบียะฮฺ  สาวกหลายคนไม่พอใจที่พวกตนถูกขัดขวาง  แต่หลังจากเจรจากันสักพักหนึ่ง  ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามทำ “สนธิสัญญาฮุดัยบียะฮฺ” ซึ่งคัมภีร์กุรอานเรียกว่าเป็นสัญญาณแห่งชัยชนะและนบีมุฮัมมัดพอใจ   ข้อตกลงของสนธิสัญญานี้สรุปได้ว่า

  1. สองฝ่ายจะไม่สู้รับกันเป็นเวลาสิบปี
  2. มุสลิมต้องส่งตัวมุสลิมใหม่ที่ไปจากมักก๊ะฮฺกลับมายังมะดีนะฮฺ
  3. ชาวกุเรชจะไม่ส่งมุสลิมที่กลับมายังมักก๊ะฮฺคืนกลับไป
  4. เผ่าอาหรับทั้งหมดมีอิสระที่จะเป็นพันธมิตรกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ได้
  5. มุสลิมจะไม่เข้าไปเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺในปีนี้  แต่จะมาในปีหน้าและอยู่ในมักก๊ะฮฺไม่เกินสามวัน
  6. เมื่อมุสลิมมาเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺ  ผู้ปฏิเสธอิสลามจะออกไปนอกเมือง

ข้อตกลงตามสนธิสัญญานี้เป็นที่พอใจสำหรับหัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺและนบีมุฮัมมัดถึงแม้บรรดาสาวกจะไม่พอใจเพราะรู้สึกเสียเปรียบ  ฝ่ายมักก๊ะฮฺพอใจที่ตัวเองขัดขวางนบีมุฮัมมัดได้  ส่วนนบีมุฮัมมัดพอใจที่ได้สันติภาพเพราะท่านปรารถนาสิ่งนี้มานาน

ในตอนที่ลงนามในสัญญาแล้ว  มีชาวเมืองมักก๊ะฮฺที่ศรัทธาในอิสลามมาพบนบีมุฮัมมัดและขอติดตามไปด้วย  แต่นบีมุฮัมมัดได้ให้สัญญาไปแล้ว  จึงไม่สามารถผิดสัญญาได้  เมื่อคนเหล่านี้ไปยังยัษริบไม่ได้และไม่พอใจที่จะอยู่ในมักก๊ะฮฺหรืออยู่ในมักก๊ะฮฺไม่ได้  พวกเขาจึงไปรวมตัวกันนอกเมืองมักก๊ะฮฺบนเส้นทางที่กองคาราวานของชาวมักก๊ะฮฺเดินทางไปค้าขายยังซีเรียซึ่งทำให้กองคาราวานของชาวมักก๊ะฮฺรู้สึกไม่ปลอดภัย

ส่วนนบีมุฮัมมัด  เมื่อกลับไปยังยัษริบแล้ว  ท่านได้ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาสงบศึกตามสนธิสัญญาโดยการให้คนนำสาส์นเชิญชวนอิสลามไปยังชนเผ่าอาหรับต่างๆตลอดจนผู้ปกครองอาณาจักรข้างเคียงคาบสมุทรอาหรับ เช่น เฮราคลีอุสผู้ปกครองอาณาจักรไบแซนติน  กษัตริย์คุสโรแห่งอาณาจักรเปอร์เซียและมุเกากิสผู้ปกครองแห่งอียิปต์

สันติภาพจึงมีส่วนสำคัญที่ทำให้อิสลามซึ่งเกิดขึ้นในเมืองมักก๊ะฮฺและลงหลักปักฐานในเมืองยัษริบ(หรือมะดีนะฮฺ)แผ่ขยายออกไปนอกคาบสมุทรอาหรับเป็นครั้งแรก


You must be logged in to post a comment Login