- ปีดับคนดังPosted 4 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
สงครามกับเผ่ายิว
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 5 ม.ค. 67)
ในเมืองยัษริบนอกจากจะมีชาวอาหรับพื้นเมืองอาศัยอยู่แล้ว ยังมีชาวยิวสามเผ่ามาตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่นอกเมืองในเขตที่เรียกว่าค็อยบัรฺซึ่งอยู่ห่างจากเมืองยัษริบ(หรือมะดีนะฮฺ)ไปทางเหนือประมาณ 150 ก.ม. ชาวยิวเหล่านี้อพยพมาจากเมืองเยรูซาเล็มที่ถูกกองทัพโรมันโจมตีและทำลายใน ค.ศ.70
ค็อยบัรฺเป็นโอเอซิสหรือพื้นที่ในทะเลทรายที่สามารถทำการเกษตรได้เพราะมีต้นไม้และน้ำ ชาวยิวจึงมีอาชีพทำเกษตรและค้าขาย ส่วนหนึ่งเป็นช่างฝีมือก็จะทำเครื่องใช้และอาวุธ ความมั่งคั่งร่ำรวยที่สะสมได้ก็จะนำไปปล่อยกู้เอาดอกเบี้ย เมื่อชนเผ่าอาหรับทำสงครามกัน ชาวยิวจะขายอาวุธและให้เงินกู้แก่ชาวอาหรับนำไปใช้ในการทำสงคราม ด้วยเหตุนี้ ค็อยบัรฺจึงเป็นพื้นที่ที่มีป้อมปราการหลายแห่ง
ชาวยิวมีความเชื่อในคัมภีร์ของตนว่าพระเจ้าจะส่งนบีคนหนึ่งมาช่วยพวกตน ชาวยิวจึงรอคอยบุคคลผู้นี้ แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดนำคัมภีร์กุรอานมาอ่านให้ชาวยิวว่าคนที่ชาวยิวรอคอยนั้นคือท่าน ชาวยิวไม่เชื่อ เพราะชาวยิวถือว่าคนที่จะเป็นนบีต้องเป็นพวกลูกหลานอิสราเอลเท่านั้น ไม่ใช่ชาวอาหรับที่ชาวยิวถือว่าเป็นชนชาติไร้คัมภีร์
แม้จะมีเชื้อสายและภูมิหลังที่คล้ายกัน แต่ในบางครั้งที่ชาวยิวเกิดความขัดแย้งกันถึงขั้นสู้รบ ชาวยิวก็จะไปเรียกพันธมิตรชาวอาหรับมาช่วย ในทำนองเดียวกัน เมื่อชนเผ่าอาหรับทำสงครามกัน เผ่ายิวที่เป็นพันธมิตรก็จะเข้ามาช่วยรบ
หลังการทำสนธิสัญญาสงบศึกฮุดัยบียะฮฺ สาวกสายเหยี่ยวบางคนของนบีมุฮัมมัดมองว่ามุสลิมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ชาวยิวเองก็มองว่ามุสลิมอ่อนแอ ด้วยเหตุนี้ ชาวยิวจึงหาทางที่จะรุกรานมุสลิม ขณะเดียวกัน เมื่อชาวกุเรชแห่งมักก๊ะฮฺผิดสัญญาและยกพลมาปิดล้อมเมืองยัษริบเพื่อกำจัดนบีมุฮัมมัด ชาวยิวได้เข้ามามีส่วนในการทำสงครามครั้งนี้ด้วย สงครามครั้งนี้จึงถูกเรียกว่าสงครามสหพรรค
แม้จะนำกำลังนักรบมาจำนวนมากและปิดล้อมเมืองยัษริบเป็นแรมเดือน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะนบีมุฮัมมัดได้ขุดสนามเพลาะที่ลึกและกว้างเป็นแนวป้องกันตามคำแนะนำของซัลมานชาวเปอร์เซียที่หันมารับอิสลาม สงครามครั้งนี้จึงถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสงครามสนามเพลาะ
หลังจากปิดล้อมอยู่เป็นเวลานาน กองทัพจากมักก๊ะฮฺต้องล่าถอยกลับเมื่อถูกพายุพัดกระหน่ำจนกระโจมที่พักและเสบียงที่นำมากระจัดกระจาย หลังจากนั้น ชาวมักก๊ะฮฺก็ไม่เคยมารุกรานเมืองยัษริบอีกเลย
เมื่อผู้รุกรานจากภายนอกถอยทัพไปแล้ว นบีมุฮัมมัดก็หันมาจัดการปัญหาภายในด้วยการขับไล่ชาวยิวที่อาศัยอยู่ในเมืองยัษริบออกไป แต่ถิ่นฐานหลักของชาวยิวอยู่ที่ค็อยบัรฺซี่งประกอบด้วยป้อมที่ชาวยิวแต่ละเผ่าแต่ละก๊กสร้างไว้ป้องกันตัวเอง
นบีมุฮัมมัดได้นำกำลังไปปิดล้อมและยึดป้อมของชนเผ่ายิวที่ละป้อมได้เป็นผลสำเร็จภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
เนื่องจากค็อยบัรฺเป็นแหล่งเพาะปลูกที่อุดมสมบูรณ์โดยเฉพาะสวนอินทผลัม ท่านหญิงอาอิชะฮฺภรรยาคนหนึ่งของนบีมุฮัมมัดถึงกับเอ่ยปากว่านางไม่เคยกินอิทผลัมที่ไหนได้อย่างจุใจเท่ากับกินที่ค็อยบัรฺ แม้พิชิตนิคมชาวยิวได้แล้ว นบีมุฮัมมัดเห็นว่าชาวยิวมีความเชี่ยวชาญทางด้านเพาะปลูก ดังนั้น ท่านจึงทำข้อตกลงให้ชาวยิวทำการเพาะปลูกในนิคมค็อยบัรฺต่อไป แต่ผลผลิตที่ได้ต้องแบ่งให้มุสลิมครึ่งหนึ่ง
การพิชิตค็อยบัรฺได้ทำให้นบีมุฮัมมัดมีอำนาจในเมืองยัษริบอย่างสมบูรณ์ อาณาเขตของเมืองยัษริบขยายกว้างออกไป ทรัพย์สินและอาวุธของชาวยิวซึ่งมุสลิมยึดได้เป็นจำนวนมากทำให้มุสลิมมีความมั่งคั่งขึ้น
You must be logged in to post a comment Login