- ปัญหายาเสพติดวาระแห่งชาติPosted 11 hours ago
- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 1 day ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 3 days ago
- อย่าไปอินPosted 6 days ago
- ปีดับคนดังPosted 6 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 week ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 1 week ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
เด็ก เยาวชน ส่งสารถึง นายกรัฐมนตรี ขอให้ “คงกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า”
เด็ก เยาวชน ส่งสารถึง นายกรัฐมนตรี ขอให้ “คงกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า” เรียกร้อง “บังคับใช้กฎหมายอย่างเร่งด่วน” ทั้งขาย หน้าร้าน ออนไลน์ เพื่อปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า เป็นของขวัญวันเด็ก 2567
เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2567 ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ปัจจุบันเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนไทยอย่างมาก ซึ่งธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าใช้กลยุทธ์การตลาดล่าเหยื่อที่มุ่งเป้าเด็ก โดยผลิตบุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบใหม่เป็นตัวการ์ตูนและกล่องนม ทำให้เข้าถึงเด็กอายุน้อยลงเรื่อยๆ ล่าสุดพบ ผู้สูบเป็นเด็ก ป.2 อายุน้อยเพียง 7 ขวบ ซึ่งพบว่าผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเกิดปอดอักเสบเฉียบพลัน (EVALI) และปอดแตก จำนวน 2-3 ราย ทำให้เครือข่ายผู้ปกครองและครูมีความกังวลเป็นอย่างมาก โดยผลการสำรวจความคิดเห็นผู้ปกครองและครูต่อนโยบายบุหรี่ไฟฟ้า ปี 2566 พบว่า 91.5% สนับสนุนให้รัฐบาลคงมาตรการห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า และ 93% เห็นว่าควรเร่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งขายหน้าร้านและออนไลน์
“ทั้งนี้จากการทบทวนวรรณกรรมบทเรียนในต่างประเทศ พบว่า 1) ข้อมูลทั่วโลกพบช่วงอายุที่มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากที่สุดคือ 15-24 ปี ซึ่งเป็นเด็กและเยาวชนนักสูบหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า โดยนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้เสพติดและทำลายสมองที่กำลังพัฒนาของเด็ก 2) บุหรี่ไฟฟ้าเสพติดมากกว่าบุหรี่มวน เพราะนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า เป็นนิโคตินสังเคราะห์ ดูดซึมเร็วกว่า สามารถเพิ่มปริมาณนิโคตินให้สูงกว่า สะดวกสูบง่าย ไม่เหม็น และไม่ระคายคอ รวมทั้งมีการปรุงแต่งกลิ่นรสที่หลากหลาย เป็นที่ชื่นชอบของเด็ก 3) ข้อมูลประเทศไทยพบ เด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มสูบบุหรี่มวนสูงถึง 5 เท่า และเป็นประตูนำไปสู่การเสพติดชนิดอื่น 4) ประเทศที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้ามีอัตราการสูบของเยาวชนต่ำกว่าประเทศที่ให้ขาย 5) ประเทศที่ให้ขายได้แล้วออกกฎหมายควบคุมห้ามขายในเยาวชน พบว่าไม่สามารถควบคุมการขายในเยาวชนได้จริง แต่อัตราสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนเพิ่ม บางประเทศยังพบอัตราสูบบุหรี่มวนเพิ่มขึ้นอีกด้วย 6) ประเทศที่เคยห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าแล้วเปลี่ยนเป็นให้ขายได้ พบอัตราสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนเพิ่มเป็น 2-5 เท่า เช่น แคนาดา นิวซีแลนด์ และ 7) องค์การอนามัยโลกสนับสนุนให้ประเทศรายได้น้อยและปานกลาง รวมทั้งประเทศไทยใช้มาตรการห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องเยาวชนจากการเป็นนักสูบหน้าใหม่” ผศ.ดร.นพ.วิชช์ กล่าว
ผศ.ดร.นพ.วิชช์ กล่าวต่อว่า ในวาระวันเด็กแห่งชาติ ปี 2567 นี้ สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ฯ และสโมสรนักศึกษารามาธิบดี จึงส่งผู้แทนเข้ายื่นหนังสือต่อ นายกรัฐมนตรี ขอให้คงกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า และเรียกร้องให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า เป็นของขวัญวันเด็กอันมีค่า เพื่ออนาคตของเด็กไทย
นายฮาซีม เถาวัล ผู้แทนสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาด้านสุขภาพที่เด็กและเยาวชนสะท้อนออกมา คือ ปัญหาสารเสพติดในเด็กและเยาวชน เช่น กัญชา กระท่อม และบุหรี่ไฟฟ้า ที่แพร่ระบาดในเด็กและเยาวชนส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจ ซึ่งมติจากสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ปี 2566 มีข้อเสนอให้รัฐบาลดำเนินนโยบายในการแก้ไขปัญหาปัญหาสารเสพติด โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สกัดกั้นการลักลอบค้าขายทุกช่องทาง ระบบส่วย ภาษี อุปถัมภ์หรือผลประโยชน์ทับซ้อนให้สิ้นซาก ทั้งนี้สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย จึงมีข้อเสนอ ดังนี้ 1) ขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด 2) ขอให้คงไว้ซึ่งกฎหมายห้ามนำเข้าและค้าขายบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเป็นมาตรการที่ดีในการป้องกันเด็กและเยาวชนจากการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า 3) ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการสร้างสื่อที่สร้างความเข้าใจและผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า 4) ขอให้สถานศึกษาดูแลและเคร่งครัดในการสร้างพื้นที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า
นายประภาวิน ปิ่นเงิน ผู้แทนสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ตระหนักดีถึงภาวการณ์ปัจจุบันที่เด็กและเยาวชนไทยกำลังถูกคุกคามจากบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งนักเรียนนักศึกษาในโรงเรียนในเครือของเราก็ถูกคุกคามด้วยเช่นกัน โดยพบว่ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในเด็กเล็กระดับประถมศึกษามากขึ้น จึงขอวิงวอน นกยกรัฐมนตรี และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้โปรดป้องกันควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กนักเรียนนักศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อเป็นของขวัญสำหรับเด็กไทย โดยเสนอให้รัฐยังคงกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องเด็กไทย ให้พวกเขาได้เติบโตเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพและเป็นอนาคตของชาติในการพัฒนาประเทศไทย
น.ส.ศุภานัน เจนธีรวงศ์ นายกสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ฯ กล่าวว่า กฏหมาย ‘ห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า’ ที่ถูกนำมาเป็นที่ถกเถียงในปัจจุบันนี้ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทยในพระอุปถัมภ์ฯ ขอให้มีการทบทวนในประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1) ผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนไทยโดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กและเยาวชน ย่อมน่าเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น หากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมาย แม้ปัจจุบันนี้ยังไม่ถูกกฎหมายก็พบว่ายังมีการลักลอบนำเข้า ซื้อขาย และใช้อย่างแพร่หลายในเด็กและเยาวชน 2) หากมีการยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ทางภาครัฐมีมาตรการในการควบคุมการนำเข้าและการซื้อขายอย่างไร รวมถึงการจัดการความเสี่ยงที่จะซ้ำเติมการเสพติดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กเล็กและเยาวชน และ 3) การแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ต้องมีรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจยาสูบ เพื่อป้องกันการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบจากธุรกิจยาสูบ
นายพัฒน์ งามเดชากิจ ผู้แทนสโมสรนักศึกษารามาธิบดี กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประตูนำสู่การเสพติดชนิดอื่นๆ ของเยาวชน จากการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นนักสูบหน้าใหม่ จนเป็นวิกฤตถึงขั้นหายนะของอนาคตของชาติ สโมสรนักศึกษารามาธิบดี จึงขอเรียกร้อง นายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1) ขอให้คงมาตราการห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เพราะจากการทบทวนมาตรการของประเทศต่างๆ พบว่าเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการปกป้องเยาวชนนักสูบหน้าใหม่ 2) ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพ โดย กรมศุลกากรตรวจการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเคร่งครัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจจับผู้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และกระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อตรวจจับและปิดช่องทางลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าทางสื่อสังคมออนไลน์ 3) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ปกครองและครู รวมทั้งสื่อมวลชนเฝ้าระวังกลยุทธ์การตลาดล่าเหยื่อ โดยเฉพาะในสื่อออนไลน์ และการแทรกแซงเชิงนโยบายทุกรูปแบบของอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้า และ 4) เร่งรณรงค์แล้วให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ทุกภาคส่วน โดยบรรจุเข้าเป็นหลักสูตรการเรียนสำหรับนักเรียนตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงอุดมศึกษา รวมทั้งในสื่อออนไลน์ ทั้งนี้เพื่อปกป้องเยาวชนไทย เป็นของขวัญในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2567
You must be logged in to post a comment Login