วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

เด็ก เยาวชน ส่งสารถึง นายกรัฐมนตรี ขอให้ “คงกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า”

On January 12, 2024

เด็ก เยาวชน ส่งสารถึง นายกรัฐมนตรี  ขอให้ “คงกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า”  เรียกร้อง “บังคับใช้กฎหมายอย่างเร่งด่วน” ทั้งขาย หน้าร้าน ออนไลน์   เพื่อปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า เป็นของขวัญวันเด็ก 2567

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2567 ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ปัจจุบันเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนไทยอย่างมาก ซึ่งธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าใช้กลยุทธ์การตลาดล่าเหยื่อที่มุ่งเป้าเด็ก โดยผลิตบุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบใหม่เป็นตัวการ์ตูนและกล่องนม ทำให้เข้าถึงเด็กอายุน้อยลงเรื่อยๆ ล่าสุดพบ ผู้สูบเป็นเด็ก ป.2 อายุน้อยเพียง 7 ขวบ ซึ่งพบว่าผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเกิดปอดอักเสบเฉียบพลัน (EVALI) และปอดแตก จำนวน 2-3 ราย ทำให้เครือข่ายผู้ปกครองและครูมีความกังวลเป็นอย่างมาก โดยผลการสำรวจความคิดเห็นผู้ปกครองและครูต่อนโยบายบุหรี่ไฟฟ้า ปี 2566 พบว่า 91.5% สนับสนุนให้รัฐบาลคงมาตรการห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า และ 93% เห็นว่าควรเร่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งขายหน้าร้านและออนไลน์

“ทั้งนี้จากการทบทวนวรรณกรรมบทเรียนในต่างประเทศ พบว่า 1) ข้อมูลทั่วโลกพบช่วงอายุที่มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากที่สุดคือ 15-24 ปี ซึ่งเป็นเด็กและเยาวชนนักสูบหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า โดยนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้เสพติดและทำลายสมองที่กำลังพัฒนาของเด็ก 2) บุหรี่ไฟฟ้าเสพติดมากกว่าบุหรี่มวน เพราะนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า เป็นนิโคตินสังเคราะห์ ดูดซึมเร็วกว่า สามารถเพิ่มปริมาณนิโคตินให้สูงกว่า สะดวกสูบง่าย ไม่เหม็น และไม่ระคายคอ รวมทั้งมีการปรุงแต่งกลิ่นรสที่หลากหลาย เป็นที่ชื่นชอบของเด็ก 3) ข้อมูลประเทศไทยพบ เด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มสูบบุหรี่มวนสูงถึง 5 เท่า และเป็นประตูนำไปสู่การเสพติดชนิดอื่น 4) ประเทศที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้ามีอัตราการสูบของเยาวชนต่ำกว่าประเทศที่ให้ขาย 5) ประเทศที่ให้ขายได้แล้วออกกฎหมายควบคุมห้ามขายในเยาวชน พบว่าไม่สามารถควบคุมการขายในเยาวชนได้จริง แต่อัตราสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนเพิ่ม บางประเทศยังพบอัตราสูบบุหรี่มวนเพิ่มขึ้นอีกด้วย 6) ประเทศที่เคยห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าแล้วเปลี่ยนเป็นให้ขายได้ พบอัตราสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนเพิ่มเป็น 2-5 เท่า เช่น แคนาดา นิวซีแลนด์ และ 7) องค์การอนามัยโลกสนับสนุนให้ประเทศรายได้น้อยและปานกลาง รวมทั้งประเทศไทยใช้มาตรการห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องเยาวชนจากการเป็นนักสูบหน้าใหม่” ผศ.ดร.นพ.วิชช์ กล่าว

ผศ.ดร.นพ.วิชช์ กล่าวต่อว่า ในวาระวันเด็กแห่งชาติ ปี 2567 นี้ สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ฯ และสโมสรนักศึกษารามาธิบดี จึงส่งผู้แทนเข้ายื่นหนังสือต่อ นายกรัฐมนตรี ขอให้คงกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า และเรียกร้องให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเร่งด่วน เพื่อปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า เป็นของขวัญวันเด็กอันมีค่า เพื่ออนาคตของเด็กไทย

นายฮาซีม เถาวัล ผู้แทนสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาด้านสุขภาพที่เด็กและเยาวชนสะท้อนออกมา คือ ปัญหาสารเสพติดในเด็กและเยาวชน เช่น กัญชา กระท่อม และบุหรี่ไฟฟ้า ที่แพร่ระบาดในเด็กและเยาวชนส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจ ซึ่งมติจากสมัชชาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ปี 2566 มีข้อเสนอให้รัฐบาลดำเนินนโยบายในการแก้ไขปัญหาปัญหาสารเสพติด โดยบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สกัดกั้นการลักลอบค้าขายทุกช่องทาง ระบบส่วย ภาษี อุปถัมภ์หรือผลประโยชน์ทับซ้อนให้สิ้นซาก ทั้งนี้สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย จึงมีข้อเสนอ ดังนี้ 1) ขอให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด 2) ขอให้คงไว้ซึ่งกฎหมายห้ามนำเข้าและค้าขายบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเป็นมาตรการที่ดีในการป้องกันเด็กและเยาวชนจากการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า 3) ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการสร้างสื่อที่สร้างความเข้าใจและผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า 4) ขอให้สถานศึกษาดูแลและเคร่งครัดในการสร้างพื้นที่ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า

นายประภาวิน ปิ่นเงิน ผู้แทนสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย ตระหนักดีถึงภาวการณ์ปัจจุบันที่เด็กและเยาวชนไทยกำลังถูกคุกคามจากบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งนักเรียนนักศึกษาในโรงเรียนในเครือของเราก็ถูกคุกคามด้วยเช่นกัน โดยพบว่ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในเด็กเล็กระดับประถมศึกษามากขึ้น จึงขอวิงวอน นกยกรัฐมนตรี และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้โปรดป้องกันควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กนักเรียนนักศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อเป็นของขวัญสำหรับเด็กไทย โดยเสนอให้รัฐยังคงกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า และให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องเด็กไทย ให้พวกเขาได้เติบโตเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพและเป็นอนาคตของชาติในการพัฒนาประเทศไทย

น.ส.ศุภานัน เจนธีรวงศ์ นายกสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย ในพระอุปถัมภ์ฯ กล่าวว่า กฏหมาย ‘ห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า’ ที่ถูกนำมาเป็นที่ถกเถียงในปัจจุบันนี้ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทยในพระอุปถัมภ์ฯ ขอให้มีการทบทวนในประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1) ผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนไทยโดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กและเยาวชน ย่อมน่าเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น หากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำได้อย่างถูกกฎหมาย แม้ปัจจุบันนี้ยังไม่ถูกกฎหมายก็พบว่ายังมีการลักลอบนำเข้า ซื้อขาย และใช้อย่างแพร่หลายในเด็กและเยาวชน 2) หากมีการยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า ทางภาครัฐมีมาตรการในการควบคุมการนำเข้าและการซื้อขายอย่างไร รวมถึงการจัดการความเสี่ยงที่จะซ้ำเติมการเสพติดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กเล็กและเยาวชน และ 3) การแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ต้องมีรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจยาสูบ เพื่อป้องกันการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบจากธุรกิจยาสูบ

นายพัฒน์ งามเดชากิจ ผู้แทนสโมสรนักศึกษารามาธิบดี กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประตูนำสู่การเสพติดชนิดอื่นๆ ของเยาวชน จากการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นนักสูบหน้าใหม่ จนเป็นวิกฤตถึงขั้นหายนะของอนาคตของชาติ สโมสรนักศึกษารามาธิบดี จึงขอเรียกร้อง นายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1) ขอให้คงมาตราการห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า เพราะจากการทบทวนมาตรการของประเทศต่างๆ พบว่าเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการปกป้องเยาวชนนักสูบหน้าใหม่ 2) ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพ โดย กรมศุลกากรตรวจการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเคร่งครัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจจับผู้ลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และกระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อตรวจจับและปิดช่องทางลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าทางสื่อสังคมออนไลน์ 3) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ปกครองและครู รวมทั้งสื่อมวลชนเฝ้าระวังกลยุทธ์การตลาดล่าเหยื่อ โดยเฉพาะในสื่อออนไลน์ และการแทรกแซงเชิงนโยบายทุกรูปแบบของอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้า และ 4) เร่งรณรงค์แล้วให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ทุกภาคส่วน โดยบรรจุเข้าเป็นหลักสูตรการเรียนสำหรับนักเรียนตั้งแต่ประถมศึกษาจนถึงอุดมศึกษา รวมทั้งในสื่อออนไลน์ ทั้งนี้เพื่อปกป้องเยาวชนไทย เป็นของขวัญในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2567


You must be logged in to post a comment Login