- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 21 hours ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 4 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 5 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 6 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 7 days ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
- ลูกผู้ชายตัวจริงPosted 2 weeks ago
นบีมุฮัมมัดเชิญจักรพรรดิไบแซนตินสู่อิสลาม
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2019/07/santitum-300x300.jpg)
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 19 ม.ค. 67)
เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มปฏิบัติภารกิจเผยแผ่อิสลามในเมืองมักก๊ะฮฺ อาณาจักรโรมันไบแซนตินได้ประกาศรับศาสนาคริสต์เป็นศาสนาทางการแล้วโดยมีคัมภีร์ไบเบิลเป็นกฎหมายในการปกครอง
ส่วนอาณาจักรเปอร์เซีย มหาอำนาจคู่แข่งกับอาณาจักรไบแซนตินยังนับถือศาสนาที่บูชาไฟอยู่
ในช่วงที่แผ่นดินอาหรับเกิดความสงบจากสนธิสัญญาสันติภาพฮุดัยบียะฮฺ นบีมุฮัมมัดได้ให้คนนำสารเชิญชวนสู่อิสลามไปยังประมุขของอาณาจักรต่างๆ หนึ่งในนั้นคือเฮราคลีอุสจักรพรรดิแห่งอาณาจักรโรมันไบแซนติน ในตอนนั้น จักรพรรดิอยู่ในแคว้นชามที่เป็นหัวเมืองใหญ่มีอาณาเขตติดกับแผ่นดินอาหรับและเปอร์เซีย
สารเชิญชวนที่นบีมุฮัมมัดส่งไปถึงเฮราคลีอุสมีข้อความดังนี้ :
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
จากมุฮัมมัดผู้เป็นบ่าวและนบีของอัลลอฮฺ ถึง เฮราคลีอุส
สันติจงมีแด่ท่านผู้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง
ฉันขอเชิญชวนท่านมาสู่อิสลาม ดังนั้น หากท่านต้องการความสงบปลอดภัย จงเข้ารับอิสลามเถิด ถ้าท่านรับอิสลาม อัลลอฮฺจะทรงตอบแทนรางวัลท่านสองเท่า ถ้าท่านปฏิเสธ ความรับผิดชอบสำหรับการละเมิดของผู้คนในชาติของท่านจะตกเป็นของท่าน
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2024/01/muham.jpg)
โอ้ชาวคัมภีร์ อย่าพูดถึงเรื่องความแตกต่างและความขัดแย้งกันเลย แต่มาตกลงกันในสิ่งหนึ่งที่ทั้งเราและท่านไม่อาจโต้แย้งได้กันดีกว่า นั่นคือ เรื่องที่ว่าเราจะไม่เคารพผู้ใดนอกไปจากอัลลอฮฺและเราจะไม่เอาสิ่งใดมาเป็นภาคีกับพระองค์และไม่ถือว่าผู้ใดอื่นเป็นพระผู้อภิบาลนอกไปจากอัลลอฮฺ
ถ้าท่านปฏิเสธ ท่านต้องรู้ว่าเราศรัทธาในความเป็นหนึ่งเดียวของอัลลอฮฺในทุกสถานการณ์
จดหมายปิดท้ายด้วยตราประทับที่มีชื่อของนบีมุฮัมมัด
เฮราคลีอุสรับจดหมายที่เป็นภาษาอาหรับซึ่งเขาอ่านไม่ออก เขาจึงสั่งให้หาชาวอาหรับมาแปลข้อความในสารให้เขาฟัง ในตอนนั้น อบูซุฟยานผู้นำชาวเมืองมักก๊ะฮฺและเป็นศัตรูตัวฉกาจของนบีมุฮัมมัดนำกองคาราวานสินค้าไปขายที่นั่น เขาจึงถูกเชิญมายังท้องพระโรงของเฮราคลีอุสเพื่อแปลสารของนบีมุฮัมมัด
เฮราคลีอุสเป็นคนมีการศึกษาและเขารู้ดีว่าในคัมภีร์ไบเบิลได้เอ่ยถึงการมาของนบีคนหนึ่ง แต่เขาสงสัยในการกล่าวอ้างของนบีมุฮัมมัดว่าเป็นศาสนทูตของพระเจ้า เขาจึงต้องการซักถามเกี่ยวกับนบีมุฮัมมัดถึงเรื่องเชื้อสาย อุปนิสัย ความนิยมของผู้คนและสาวกของท่านว่ามีจำนวนมากขึ้นหรือน้อยลง
อบูซุฟยานคิดจะตอบคำถามเกี่ยวกับนบีมุฮัมมัดในทางที่ไม่ดี แต่เมื่อเขาเห็นคนของเขาอยู่ที่นั่นด้วย เขาจึงไม่กล้าโกหกเกี่ยวกับนบีมุฮัมมัด เพราะชาวอาหรับทุกคนให้ฉายานบีมุฮัมมัดว่า “อัลอะมีน” ซึ่งแปลว่า “ซื่อสัตย์ไว้วางใจได้” เพราะไม่เคยโกหก หากใครกล่าวหาว่านบีมุฮัมมัดโกหก คนผู้นั้นก็จะกลายเป็นผู้โกหกไปในทันที
ในขณะที่เฮราคลีอุสกำลังพิจารณาข้อความของสารและฟังคำตอบจากอบูซุฟยานด้วยใจที่โน้มไปในทางยอมรับ บรรดานักบวชที่อยู่กับเขาในตอนนั้นได้แสดงปฏิกิริยาไม่พอใจขึ้นมาทันทีเพราะคิดว่าเฮราคลิอุสจะยอมรับข้อความที่อยู่ในจดหมาย นักบวชคนหนึ่งได้กล่าวขึ้นมาว่า “ท่านกำลังจะเรียกให้เราทิ้งศาสนาคริสต์ หรือให้เราเป็นทาสชาวเบดูอินที่มาหาเราจากฮิญาซใช่ไหม?”
เมื่อเห็นท่าทีเกรี้ยวกราดของพวกนักบวช เฮราคลิอุสได้ยืนขึ้นด้วยความตกใจ แต่ในเวลาเดียวกัน เขารู้ว่าถ้าเขาแสดงความอ่อนแอออกมา พวกนักบวชเหล่านั้นจะทิ้งเขาไปและสร้างความเสียหายขึ้นมาโดยหันไปยุให้คนในอาณาจักรต่อต้านเขา ดังนั้น เฮราคลิอุสจึงเก็บความรู้สึกไว้และพูดกับพวกนักบวชอย่างชาญฉลาดว่า “ฉันเพียงแต่ถามเขาเพื่อทดสอบถึงความมั่นคงในศาสนาของพวกท่านเท่านั้น”
นักประวัติศาสตร์อิสลามส่วนใหญ่มีความเห็นว่าเฮราคลีอุสเข้ารับอิสลามอย่างเงียบๆเพราะเห็นแก่ความสงบของอาณาจักร
.
You must be logged in to post a comment Login