- ปัญหายาเสพติดวาระแห่งชาติPosted 6 hours ago
- แก่อย่างไม่มีคุณค่าPosted 1 day ago
- “ทักษิณ” ยังมีมนต์ขลังPosted 2 days ago
- อย่าไปอินPosted 5 days ago
- ปีดับคนดังPosted 6 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 week ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 1 week ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 1 week ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 2 weeks ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 2 weeks ago
“บุญยืน”อัดรัฐอุ้มแต่ธุรกิจน้ำเมา
บุญยืน อัดยับ รัฐบาลมือถือสาก ปากถือศีล อ้างห่วงสุขภาพประชาชน แต่อุ้มธุรกิจน้ำเมาชงขยายเวลาขาย ไม่สนความเจ็บ ตาย พิการ ขู่ปลุกม็อบสู้ ขอกรรมการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยึดมั่นจริยธรรม ไม่หันซ้าย-ขวาตามสั่ง
จากกรณีมีการเปิดเผยข้อมูลว่า ในการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นี้ มีวาระการพิจารณา เรื่องการขอขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า จะมีการยกเลิกเวลาห้ามขาย เนื่องจากปรากฏข้อมูลว่ามีกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนกฎหมายที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเรื่องการกำหนดเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ นางสาวบุญยืน ศิริธรรม นายกสมาคมผู้บริโภคภาคตะวันตก กล่าวว่า ตนมองว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นไปในรูปแบบ “มือถือสาก ปากถือศีล” เพราะปากก็บอกว่าเราจะช่วยพี่น้อง จะฟื้นฟูเรื่องสุขภาพ จึงขอให้พี่น้องสบายใจได้ แต่มือที่กำลังถือสากอยู่ก็กำลังจะอนุมัติให้มีการเพิ่มเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นำมาสู่ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุต่างๆ สะท้อนว่า ไม่ได้มีความห่วงใยประชาชนอย่างที่พูด แต่กลับเข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อกินบุญเก่าที่เคยทำไว้สำเร็จ คือ 30 บาท รักษาทุกโรค เพื่อคงโลโก้ที่เป็นนโยบายของเขาเอาไว้ การที่มีแนวความคิด ที่จะให้ขยายเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ตนจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง จะมาบอกว่า กฎหมายที่กำหนดช่วงเวลาในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นกฎหมายที่มาจากการรัฐประหารในอดีตไม่ได้ เพราะกฎหมายอะไรที่ดีอยู่แล้วก็ควรที่จะต้องพัฒนาให้ดีขึ้นไป ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ทำให้คนดื่มน้อยลง เกิดอุบัติเหตุลดลง จะแก้ให้แย่ลงไม่ได้
สิ่งที่เราอยากจะถาม ที่เรากังวลมาก คือคนที่ได้รับผลกระทบ เกิดว่า เสียชีวิต หรือพิการ จากการถูกคนเมาแล้วขับรัฐจะรับผิดชอบดูแลช่วยเหลือเขาอย่างไร ไม่ใช่ว่าปล่อยให้เขาเป็นผู้พิการแล้วให้เขาเดือนละ 400-800 บาท เหมือนทุกวันนี้ ในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย รัฐบาลอย่าบอกว่า เอาเงินรัฐมาชดเชยเยียวยา แล้วรัฐบาลมีปัญญาไปหาเงินมาจากไหน เพราะทุกบาททุกสตางค์ก็มาจากภาษีประชาชนทั้งนั้น และอีกเรื่องที่เราอยากถามและเป็นกังวลคือคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีความเป็นตัวของตัวเองมากแค่ไหน รัฐบาลแทรกแซงและสั่งการได้หรือเปล่า ตกลงแล้วจะยังคงประโยชน์เพื่อสุขภาพคนไทยอยู่หรือเปล่า หรือว่าแล้วแต่ลมพัดไปพัดมา หากรัฐบาลไหนพัดไปอย่างไรก็ไปอย่างนั้นหรือ ดังนั้น ขอให้กรรมการต้องยึดมั่นใจจริยธรรม หน้าที่ของตัวเองในการเป็นกรรมการ ซึ่งต่างก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่กันทั้งนั้น ถ้าฟังที่รัฐบาลบอกให้ไปซ้าย ก็ไปซ้าย ให้ไปขวาก็ไปขวา แบบนี้ให้เด็กอนุบาลมาเป็นกรรมการก็ได้
“สิ่งที่เราอยากจะบอกรัฐบาลคือ หยุดทำเป็นมือถือสาก ปากถือศีลได้แล้ว จะถือศีลก็ถือศีลไป เลือกเอาสักอย่าง จะถือสากหรือถือศีล เอาให้แน่ อย่าหลอกลวงชาวบ้าน อย่าให้เป็นเพื่อไทยการละคร ซึ่งครั้งนี้ตนมีความรู้สึกว่านี่เป็นละครที่แสดงว่ารักชาวบ้าน แต่สุดท้ายก็เชื่อธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาทำร้ายประชาชน หมอชลน่าน เป็นหมอมาหลายปี ในดุลพินิจของหมอก็ต้องรู้ว่าคนดื่มแล้วสติสัมปชัญญะจะเป็นอย่างไร จะสร้างความเดือดร้อน สร้างความร้าวฉานในครอบครัวอย่างไร แล้วนี่ได้เริงร่าสบายอารมณ์อย่างนี้ รัฐบาลทำเพื่ออะไร เรื่องดีๆ เยอะแยะทำไมไม่ทำ” นางสาวบุญยืน กล่าว
นางสาวบุญยืน กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามา จะเห็นว่า มีการออกนโยบายต่างๆ มาเพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อเนื่อง นับตั้งแต่อนุญาตให้มีการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงได้ถึง 04.00 น.แล้ว มีการขับรถชนคนเสียชีวิตไปเท่าไหร่แล้ว รัฐบาลเคยช่วยเหลืออย่างไร เคยเอาเงินส่วนตัวที่อนุมัตินโยบายเหล่านี้มาจ่ายหรือไม่ แล้วที่ผ่านมาก็ไม่เคยออกมาพูดสรุปบทเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ซึ่งมองว่าเป็นเพราะไม่กล้าออกมาพูด เนื่องจากว่า ไม่มีข้อมูลเชิงวิชาการอะไรออกมาสนับสนุนว่า เปิดผับถึงตีสี่แล้วเศรษฐกิจดีขึ้นแค่ไหน ไม่มีอะไรสักอย่าง ทำตามความอยากอย่างเดียว และเป็นความอยากที่อยู่บนความเสียหายทางสุขภาพของประชาชน
เพราะฉะนั้นตนไม่เห็นด้วยโดยเด็ดขาดที่จะขยายเวลาให้ขายได้โดยไม่มีข้อจำกัด ตนขอค้านทุกประตูเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้ารัฐบาลยังจะเดินหน้า เครือข่ายรณรงค์ต้องมีการพูดคุยกันแล้ว และควรขยายแนวร่วมมาเพื่อคัดค้านด้วย ซึ่งคิดว่าม็อบจุดติดแน่นอนเพราะเราทำเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ แล้วจะเอาชีวิตส่วนใหญ่ของคนในประเทศนี้ไปแลกกับธุรกิจที่คนกินคนขายเหล้าแค่ไม่กี่คนอย่างนั้นหรือ อนาคตเด็กๆ จะเป็นอย่างไร ที่บอกว่ามีการควบคุมไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ แต่ที่จับกันอยู่ทุกวันนี้ก็ต่ำกว่า 20 ปี ทั้งนั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องถามไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน ตอนอยู่กระทรวงสาธารณสุขก็บอกว่า ตนดูแลสุขภาพประชาชน ทำเพื่อสุขภาพประชาชน แต่พอไปอยู่มหาดไทยแล้วทำเพื่อใคร ตรงไหนที่ทำเพื่อประชาชน เปิดผับถึงตีสี่ ประชาชนคนไหนได้ประโยชน์ นอกจากเจ้าของผับ บาร์ เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“มันควรจะต้องมีการควบคุมบ้าง ถามว่า ที่มีการควบคุมที่ผ่านๆ มามีอะไรที่เสียหาย ถึงจำเป็นต้องแก้ไขไม่ให้มีการควบคุม เพื่ออะไร จริงๆ ต้องถามว่าพรรคเพื่อไทยทำเรื่องนี้เพื่อใคร ถ้าบอกว่าทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แล้วเรื่องอื่นไม่มีให้ทำแล้วอย่างนั้นหรือ แล้วเศรษฐกิจที่ว่านั้นกระตุ้นให้ใคร ที่เสียนั้น ใครเป็นคนเสีย มันได้ มันเสียคุ้มกันหรือไม่ การกระตุ้นเศรษฐกิจไม่มีเรื่องอื่นให้ทำแล้วหรือ ต้องขายเหล้าอย่างเดียวเหรอ” นางสาวบุญยืน กล่าว
You must be logged in to post a comment Login