- เรื่องยังไม่จบPosted 24 hours ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
- บทเรียนพระสายมูPosted 2 weeks ago
ภาษีศาสนา
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 29 มี.ค. 67)
อิสลามกำหนดการปฏิบัติศาสนกิจขั้นพื้นฐาน 5 ประการให้มุสลิมปฏิบัติเพื่อเป็นการแสดงความศรัทธาในพระเจ้า การสักการะและแสดงความกตัญญูต่อพระองค์ผู้ทรงสร้างทุกมนุษย์และประทานปัจจัยยังชีพแก่ทุกชีวิต
ในคัมภีร์กุรอาน เราพบว่าพระเจ้าได้บอกอับราฮัมให้รู้ถึงวิธีการละหมาดและการทำฮัญ์ และเราพบร่องรอยหลักฐานยืนยันเรื่องนี้แม้แต่ในคัมภีร์ไบเบิลว่าอับราฮัมแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าด้วยการก้มกราบ
ส่วนเรื่องการจ่ายซะกาตหรืออาจเรียกว่าภาษีทางศาสนานั้นมีขึ้นในสมัยในสมัยของอิสมาอีล บุตรคนแรกจากภรรยาคนที่สองของอับราฮัม คัมภีร์กุรอานพูดถึงเรื่องนี้ว่า “และได้มีกล่าวไว้ในคัมภีร์ถึงเรื่องราวของอิสมาอีล เขาเป็นผู้ซื่อตรงต่อสัญญา เป็นผู้นำสาส์นจากพระเจ้า เป็นนบีคนหนึ่ง เขาสั่งคนของเขาให้ดำรงละหมาดและจ่ายซะกาต” (กุรอาน 19:54-55)
ลูกหลานของอับราฮัมจากภรรยาคนแรกก็ได้รับคำสั่งเรื่องการจ่ายซะกาตเช่นกัน เราพบหลักฐานในคัมภีร์กุรอานว่าลูกหลานอิสราเอลถูกบัญชาให้ละหมาดและจ่ายซะกาต (กุรอาน 98:5) ลูกหลานอิสราเอลคือบุตร 12 คนของยาโกบลูกชายของอิชอักผู้เป็นลูกคนที่สองของอับราฮัมจากนางซาราห์ภรรยาคนแรก
แต่เนื่องจากคัมภีร์ไบเบิลมิได้ใช้ภาษาอาหรับ จึงเรียกซะกาตตามอัตราการจ่ายว่า “ทศางค์” ซึ่งหมายถึงหนึ่งในสิบตามหลักฐานดังต่อไปนี้ :
“ทศางค์(หนึ่งในสิบ)ทั้งสิ้นที่ได้จากแผ่นดิน เป็นพืชที่ได้จากแผ่นดินก็ดี หรือผลจากต้นไม้ก็ดีเป็นของพระเจ้า” (เลวีนิติ 27:30)
“ผลได้เป็นปีๆจากพืชพันธุ์ในนาของท่านนั้น ท่านจงถวายทศางค์” (เฉลยธรรมบัญญัติ 14:22)
“เราให้ทศางค์ในอิสราเอลแก่คนเลวีเป็นมรดก เป็นค่าตอบแทนงานที่เขาปฏิบัติ คืองานปฏิบัติที่เต๊นท์นัดพบ” (กันดารวิถี 18:21)
คัมภีร์กุรอานกล่าวอีกว่าเยซัสหรือนบีอีซาก็กำชับพวกลูกหลานอิสราเอลในสมัยของท่านให้ละหมาดและจ่ายซะกาต นั่นแสดงว่าการจ่ายทศางค์ยังคงปฏิบัติกันเรื่อยมา แต่ส่วนในฝั่งของลูกหลานอิสมาอีลผู้เป็นต้นตระกูลชาวอาหรับนั้น การละหมาดและการจ่ายซะกาตได้ถูกลืมเลือนจนหายไปในที่สุด
เป็นเรื่องน่าสนใจว่าพวกลูกหลานอิสราเอลได้บริหารการจัดเก็บและการจัดสรรทศางค์อย่างมีแบบแผนซึ่งเราสามารถพบได้ในคัมภีร์ไบเบิลดังนี้
– จ่าย 1/10 ของผลิตผลเกษตรและปศุสัตว์ (เลวิติโก 27:30-32)
– อายุยี่สิบขึ้นไปไม่ว่ารวยหรือจนต้องจ่ายครึ่งเชเคลทุกสามปี (อพยพ 30:13-15)
– ผู้จัดเก็บคือกองคลังของวิหารแห่งเยรูซาเล็ม
– ครึ่งหนึ่งของทศางค์ที่เก็บได้จะถูกจัดสรรให้เจ้าหน้าที่ทางศาสนา
– 1/10 จากที่เหลือถูกนำไปให้พวกเลวี (ลูกหลานของนบีฮารูน)
– 1/10 สำหรับดูแลคนที่ไปแสวงบุญที่เยรูซาเล็ม
– ส่วนที่เหลือนำไปใช้ดูแลแม่ม่าย เด็กกำพร้า คนยากจน
ไม่เป็นเรื่องน่าแปลกอะไรที่เมื่อมนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นสังคม มนุษย์ทุกคนในฐานะสมาชิของสังคมจำเป็นต้องมีส่วนรับผิดชอบในการพัฒนาและบำรุงรักษาท้องถิ่นที่ตนอาศัยอยู่ หากปราศจากสิ่งนี้ การพัฒนาสังคมก็ไม่อาจเป็นไปได้ แต่แนวความคิดและการปฏิบัติดังกล่าวมิได้มาจากมนุษย์ แต่มาจากพระเจ้า การปฏิบัติตามคำสั่งจากพระเจ้าจึงเป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาและการถวายสักการะพระเจ้าไปพร้อมกัน
You must be logged in to post a comment Login