- ปีดับคนดังPosted 21 mins ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 1 day ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 2 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 6 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 7 days ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
พิธีฮัจญ์ก่อนหน้าอิสลาม
คอลัมน์ : สันติธรรม
ผู้เขียน : บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้รายวัน ประจำวันที่ 14 มิ.ย. 67)
พิธีฮัจญ์ครั้งแรกเริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณสี่พันปีที่แล้วในเมืองมักก๊ะฮฺโดยอับราฮัมได้ถูกพระเจ้าบัญชาให้สร้างก๊ะอฺบ๊ะฮฺขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับผู้ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวมาแสดงความเคารพสักการะพระองค์ที่นั่น และพระเจ้าได้สอนวิธีการทำฮัจญ์และการละหมาดให้แก่อับราฮัม
การทำพิธีฮัจญ์ถูกสืบทอดต่อมาโดยอิสมาอีลผู้เป็นบุตรชาย แต่หลังจากทั้งสองพ่อลูกจากโลกนี้ไป การปฏิบัติพิธีฮัจญ์ของชาวอาหรับได้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ก๊ะอฺบ๊ะฮฺที่เคยเป็นสถานที่แสดงความเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียวได้ถูกชาวอาหรับเผ่าต่างๆนำรูปเจว็ดบูชาสารพัดรูปร่างและขนาดจำนวน 360 รูปมาตั้งเรียงรายรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺและกราบไหว้เจว็ดบูชาเหล่านั้นแทนการเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียว
เมื่อหลงลืมพระเจ้าที่แท้จริงและพิธีกรรมที่อับราฮัมได้แสดงไว้ อุตริกรรมต่างๆก็เกิดขึ้นในพิธีฮัจญ์และเป็นที่ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมานานนับพันปี จนกระทั่งนบีมุฮัมมัดได้มาเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้เป็นไปตามประสงค์ของพระเจ้าและท่านได้แสดงแบบอย่างให้ผู้ศรัทธาในพระเจ้าปฏิบัติสืบมาจนถึงวันนี้
ก่อนหน้าอิสลาม เมื่อชาวเมืองยัษริบกลับมาจากการทำฮัจญ์ พวกเขาจะไม่เข้าบ้านทางประตูหน้า แต่จะปีนเข้าไปในบ้านจากทางด้านหลังและถือว่าการทำเช่นนี้เป็นกุศลกรรม นบีมุฮัมมัดได้มายกเลิกความเชื่อเช่นนี้
พิธีกรรมสำคัญในการทำฮัจญ์คือการเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺ ก่อนหน้าอิสลาม ชาวอาหรับบางเผ่าจะเวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺโดยการเปลือยกาย บางเผ่าเวียนรอบโดยการผิวปากหรือไม่ก็ปรบมือ นบีมุฮัมมัดได้ยกเลิกการกระทำเช่นนี้ และสั่งมุสลิมให้เวียนรอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺด้วยความสำรวมตนและประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
อีกพิธีกรรมหนึ่งในการทำฮัจญ์ก่อนสมัยอิสลามคือการเชือดสัตว์พลีเพื่อพระเจ้า ชาวอาหรับที่เดินทางมาทำพิธีฮัจญ์จะนำเอาปศุสัตว์เช่น แพะ แกะหรืออูฐมาเชือดพลีด้วย ระหว่างทาง อูฐตัวใดที่ชาวอาหรับนำมาเชือดพลีจะถูกถือว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และจะไม่ขึ้นขี่หลังของมัน แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดเห็นเช่นนั้น ท่านจึงสั่งให้เจ้าของอูฐขึ้นขี่ในฐานะเป็นสัตว์พาหนะ เพราะสัตว์ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์
การเชือดสัตว์พลีของชาวอาหรับก่อนหน้าอิสลามมีเจตนาที่จะโอ้อวดถึงความมั่งคั่งและความใจบุญของตน ดังนั้น ชาวอาหรับผู้มั่งคั่งจะเชือดปศุสัตว์หลายตัวและให้คนยากจนมาเอาเนื้อไปกินเพื่อหวังการยกย่องเยินยอจากผู้คน นอกจากนี้แล้ว เลือดของอูฐที่ถูกเชือดพลีจะถูกสาดไปบนกำแพงก๊ะอฺบ๊ะฮฺโดยหวังว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้พวกเขาใกล้ชิดพระเจ้า แต่เมื่อนบีมุฮัมมัดมาเผยแผ่อิสลาม ท่านได้ห้ามกระทำเช่นนั้นโดยกล่าวว่าพระเจ้าไม่ได้ต้องการเลือดและเนื้อของสัตว์ แต่สิ่งที่พระองค์ต้องการคืความเสียสละด้วยความยำเกรงพระองค์
ชาวเมืองเยเมนมีธรรมเนียมไม่นำเสบียงติดตัวไประหว่างเดินทางไปทำฮัจญ์ คนเหล่านี้กล่าวว่าพระเจ้าจะเป็นผู้จัดเตรียมอาหารให้พวกเขา ผลก็คือเมื่อไปถึงมักก๊ะฮฺ คนพวกนี้ต้องไปเที่ยวขอคนอื่นเพื่อการประทังชีพ ดังนั้น พระเจ้าจึงมีบัญชาให้ผู้ทำฮัจญ์เตรียมเสบียงมาด้วย
ในยุคอวิชชาก่อนหน้าอิสลาม ฮัจญ์มีวัตถุประสงค์ทางศาสนาน้อยมากเพราะการทำฮัจญ์ในตอนนั้นอยู่ในรูปของการจัดงานขายสินค้าขนาดใหญ่ที่ผู้คนทุกสาขาอาชีพมาชุมนุมกัน สภาพเช่นนี้จึงมีแต่เสียงอึกทึกของการต่อรองราคา ความโกลาหลอลหม่าน การเบียดเสียดยัดเยียด การทะเลาะวิวาท การต่อสู้และผู้หญิงถูกลวนลาม พูดง่ายๆก็คือพฤติกรรมเลวทรามและความชั่วร้ายสารพัดเกิดขึ้นในโอกาสนี้ทุกปี อิสลามได้มาหยุดยั้งสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดและเปลี่ยนสภาพการทำฮัจญ์ให้อยู่ในรูปของคุณธรรม ความสังวรตนและการระลึกถึงพระเจ้า คัมภีร์กุรอานกล่าวว่า :
“ใครก็ตามที่ตั้งใจจะทำพิธีฮัจญ์ในเดือนที่กำหนดไว้จะต้องละเว้นโดยสิ้นเชิงจากการพูดจาที่น่ารังเกียจ จากความชั่วช้าเลวทรามและการวิวาทระหว่างการทำฮัจญ์ และจงจำไว้ว่าพระเจ้าทรงรู้ถึงความดีอะไรก็ตามที่สูเจ้ากระทำ” (กุรอาน 2:197)
You must be logged in to post a comment Login